21 หุ้นสุดแจ่มเหมาะเล่นเก็งกำไรสั้นSET ทรงตัวกรอบจำกัด-รอปัจจัยใหม่
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะทรงตัวในกรอบแคบ ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นทำ New high ส่วนประเด็นที่เริ่มกดดันตลาดที่สำคัญที่สุด คือ ตลาดหุ้นไทยแพง โดย ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าขึ้นไปเล่นที่เกือบจุดสูงสุดในรอบ 10 ปี
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.12 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.66 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ หลังสหรัฐเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืน ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี อันเป็นการตอกย้ำความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะทรงตัวในกรอบแคบ ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นทำ New high ส่วนประเด็นที่เริ่มกดดันตลาดที่สำคัญที่สุด คือ ตลาดหุ้นไทยแพง โดย ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าขึ้นไปเล่นที่เกือบจุดสูงสุดในรอบ 10 ปี
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ KBANK, KTB, STEC, CK, SGP, CPF, IRPC, CPN, KCE, GPSC, GLOBAL, BLAND , TTCL , WHA, AAV, BTS,INTUCH, BEM, TKN, KCE และ BIG
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (1 มิ.ย.) ว่า ปัจจัยหนุนดัชนี SET ในตอนนี้ คือทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกยังไปได้ดี ราคาน้ำมันทรงตัวใกล้ 50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์และสภาพคล่องภายในสูง ส่วนประเด็นที่เริ่มกดดันตลาดที่สำคัญที่สุด คือ ตลาดหุ้นไทยแพง โดย ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าขึ้นไปเล่นที่เกือบจุดสูงสุดในรอบ 10 ปี
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนล่าสุดออกมาในเชิงชะลอตัว หลังหมดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เรามองว่ากรอบการขึ้นของดัชนี SET ยังไปไม่ได้ไกล คืออยู่ที่ประมาณ 1430+/- จุด ทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์นี้เมื่อขึ้นไปแตะ 1430+/- จุด น่าจะเริ่มมีแรงขายหุ้นออกมา หลังมองตลาดอาจจะได้รับผลกระทบจากความกังวลทิศทางดอกเบี้ยในสหรัฐและการลงประชามติจะอยู่หรือไปของอังกฤษ ส่วนมุมมองของบรรดากองทุนทั่วโลกในเดือน พ.ค. ปรากฏว่าบรรดากองทุนได้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง เพิ่มพันธบัตรและถือเงินสดเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นความกังวลของตลาดต่อ 2 ประเด็นข้างต้น
วันนี้มองดัชนี SETค่อยๆ ซึมตัวลงมา ตามตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันปรับตัวลงในเชิงลบ นอกนั้นเป็นผลจากตลาดหุ้นไทยขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าใกล้จุดสูงสุดที่ 14.3 เท่า วันนี้มองแนวต้านที่ 1428-1432 จุด ส่วนแนวรับคือ 1420-1415 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร AAV BTS และ INTUCH
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (1 มิ.ย.)ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิด +0.01 % ปริมาณการซื้อขายสูงถึง 6.7 หมื่น ลบ. ต่างชาติและพอร์ตโบรกเกอร์เป็นผู้ซื้อสุทธิหลัก ส่วนต่างชาติยังคงมีสถานะ Long Index Futures อีก 7.2 พันสัญญา วานนี้ภาวะการซื้อขายมีแรงขายในกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 50 USD./บาร์เรล จึงแรงขายและคาดมีการสลับเปลี่ยนกลุ่มมาซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคารและสื่อสาร
ประเด็นวันนี้ยังต้องติดตามดัชนีภาคการผลิตของทางฝั่งยูโรปและสหรัฐ หลังจากภาคการผลิตของจีน พ.ค. ถือว่าเริ่มทรงตัวได้ดี กลยุทธ์การลงทุน คาดภาวะการซื้อขายวันนี้จะทรงตัวที่ระดับแนวรับ 1,410 – 1,420 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด โดยตลาดน่าจะยังรอความชัดเจนการประชุม Opec ในวันพฤหัสนี้ ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร BLAND , TTCL , WHA ที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (1 มิ.ย.) SET น่าจะยังผันผวนอยู่ในกรอบแคบตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ที่จะผลักดันให้ดัชนีปรับขึ้นทำ New high แม้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐและราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงจะกดดันตลาดบ้าง แต่ Fund Flow จะยังคงหนุนนำตลาดต่อเนื่องจากที่ตลาดคาดว่าเฟดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย นี้ นอกจากนี้เราเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ระมัดระวังการซื้อขายมากขึ้นและเฝ้าดูรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้อย่าง ดัชนี PMI ของจีน และอัตราเงินเฟ้อของไทย ส่วนพรุ่งนี้ก็ต้องรอผลการประชุม OPEC และ ECB อย่างไรก็ตามกรณีที่ SET ไม่สามารถปรับขึ้นทำ New high ได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกขายทำกำไรออกมาเป็นระยะๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการถือหุ้น แต่ก็จะเป็นจังหวะของนักลงทุนที่ยังไม่ได้ซื้อรอบนี้
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/ซื้อเมื่ออ่อนตัว
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: BEM (เป้า 7) TKN (เป้า 17) KCE (เป้า 95) BIG (เป้า 3.8) Mid-small cap แจ่มสุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (1 มิ.ย.) SET จะ Sideways สร้างฐานระยะสั้นกรอบ 1,410-1,430 จุด หลังปรับสูงขึ้นกว่า 3% ในช่วง 1.5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้น Dow Jones และราคาน้ำมันเคลื่อนไหวแคบรอความชัดเจนจากการประชุม OPEC วันที่ 2 มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ดียังมองการปรับสูงขึ้นระยะสัปดาห์ที่ 1,432 หรือถัดไปที่ 1,460 จุด เหมือนเดิม ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก “Earnings Driven” ที่เริ่มเห็นการปรับประมาณการกำไร และมูลค่าพื้นฐานของนักวิเคราะห์ขึ้นแล้ว หลังกำไร 1Q16 และการขยายตัวเศรษฐกิจ 1Q16 ดีกว่าคาด
“ซื้อ” 1) การลงทุนรัฐฯ เร่งตัว ดอกเบี้ยผ่านจุดต่ำสุด: “ซื้อ” กลุ่มธนาคาร รับเหมาฯ KBANK KTB STEC CK (ปรับเป้าหมายพื้นฐานเป็น 33 บาท)
2) Earnings Momentum: SGP CPF IRPC CPN (ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 70 บาท มองเติบโตเด่น 18% ต่อปีช่วง 5 ปีข้างหน้า)
3) หุ้นพื้นฐานดี ที่จะถูกนำเข้าไปใน SET50-100: KCE GPSC GLOBAL (เริ่มเห็นการฟื้นตัวของรายได้ภาคการเกษตร แนวรับ 11.6 บาท)