พาราสาวะถี อรชุน
ต้องถามกันดังๆ ว่ารู้สึกดีไหมหลังจากผู้มีอำนาจประกาศ “จะอยู่ต่อจนกว่าสถานการณ์บ้านเมืองสงบ” ทั้งพี่ใหญ่และน้องเล็กสอดประสานเป็นเสียงเดียวกัน สิ่งที่หลายคนคาใจคือผ่านพ้นไป 2 ปีที่บอกว่าจะสร้างความปรองดองและให้ประชาชนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ที่บอกว่าระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปีจึงไม่น่าจะเพียงพอ
ต้องถามกันดังๆ ว่ารู้สึกดีไหมหลังจากผู้มีอำนาจประกาศ “จะอยู่ต่อจนกว่าสถานการณ์บ้านเมืองสงบ” ทั้งพี่ใหญ่และน้องเล็กสอดประสานเป็นเสียงเดียวกัน สิ่งที่หลายคนคาใจคือผ่านพ้นไป 2 ปีที่บอกว่าจะสร้างความปรองดองและให้ประชาชนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ที่บอกว่าระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปีจึงไม่น่าจะเพียงพอ
ถ้าเช่นนั้นจะขออยู่กันแบบรากงอกคือ 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติที่วางไว้เลยหรือ ปัญหาใหญ่ก็คือ จะอยู่กันโดยใช้อำนาจพิเศษเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ใช่หรือไม่ ตรงนี้ต่างหากที่น่าสนใจ การป่าวประกาศของผู้มีอำนาจย่อมมีปุจฉาตามมา จะอยู่กันแบบไหน หากจะใช้ความสงบหรือความสามัคคีเป็นตัวตั้ง บอกได้เลยจะปีหน้าหรือปีไหนก็ยังเลือกตั้งไม่ได้
ความเป็นจริงคนที่อยู่บนหอคอยงาช้างย่อมรู้สภาพดี เอาแค่ปัญหาธัมมชโยกับวัดพระธรรมกายที่กำลังเผชิญอยู่เวลานี้ มีหนทางจะปฏิบัติกันเพื่อให้ทุกอย่างเดินตามกรอบของกฎหมายอย่างไร จนถึงเวลานี้ยังไม่แน่ใจว่า สถานการณ์ที่จุดไฟกันไว้แล้วมันจะมอดดับลงหรือลุกโชนลุกลามไปเรื่อยๆ เพราะลึกๆ แล้วเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ปมพระทำผิดกฎหมายเท่านั้น
อย่างที่รู้กันมันถูกฉุดกระชากลากให้เป็นเรื่องการเมืองแม้ปากของใครบางคนจะบอกว่าไม่ได้เล่นการเมืองก็ตาม นี่แค่ปัจจัยเดียว ยังเสียวกันทั้งบาง หากมองไปยังปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจยังไม่เห็นทิศทางของการฟื้นตัวที่ชัดเจน การที่ป่าวประกาศกันว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น ก็น่าจะลองให้สำนักงานสถิติแห่งชาติไปสำรวจความเห็นของคนส่วนใหญ่ของประเทศดูว่า เศรษฐกิจมันดีจริงหรือ
ตัวเลขการว่างงานที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยมาล่าสุดพบว่าเพิ่มขึ้น 72,000 คน สอดรับกับ ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างการค้าและอุตสาหกรรมไทย ที่ออกมาระบุว่า การส่งออกที่ติดลบ ทำให้แนวโน้มการรับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีน้อยมาก ด้วยเหตุที่ทุกภาคส่วนยังคงรัดเข็มขัดเพื่อควบคุมต้นทุน
ดังนั้น ข้อเสนอของลูกจ้างที่ต้องการให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจึงไม่ต้องพูดถึง ซึ่งผลของการหารือ 3 ฝ่าย ทั้งกระทรวงแรงงาน ลูกจ้าง และนายจ้างแล้ว เชื่อว่าปีนี้คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง หากปรับขึ้นจะยิ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ควรขึ้นค่าเงินจ้างตามคุณภาพฝีมือแรงงานมากกว่า
พิจารณาจากปัจจัยนี้ก็จะเห็นได้ว่า ในภาวะที่ค่าครองชีพไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ โดยที่แนวโน้มของราคาน้ำมันก็เริ่มปรับตัวขึ้น แม้จะยังแกว่งตัวแต่หากยังยืนอยู่ในทิศทางขาขึ้นต่อไป ยิ่งจะเป็นปัจจัยลบซ้ำเติมทำให้ผู้ใช้แรงงานหรือมนุษย์เงินเดือน มีโอกาสที่จะเผชิญกับปัจจัยค่าครองชีพที่จะขยับตัวขึ้น เหล่านี้คือสิ่งที่ฝ่ายคิดจะอยู่ต่อโดยมองแค่ประเด็นความสงบเป็นหลักต้องคิดให้หนัก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชวนให้คิดกันต่อของเหตุผลจะอยู่ต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะสงบก็คือ หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ แล้วมีการเลือกตั้งจะอยู่ต่อกันอย่างไร เพราะคสช.จะต้องหมดภาระหน้าที่ เช่นเดียวกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว หรือว่า มองกันทะลุไปแล้วว่า คนที่จะมาเป็นรัฐบาลต่อไปนั้น ยังไงเสียก็พวกเดียวกัน
หากมั่นใจกันขนาดนั้น นั่นก็หมายความว่า เรื่องการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อให้คสช.สืบทอดอำนาจก็เป็นจริง การพยายามให้ส.ว.ที่จะผ่านการเลือกโดยคสช.ทั้งหมด 250 คนสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ก็เป็นการวางแผนกันมาตั้งแต่ต้น ดังนั้น ประเด็นในลักษณะนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการทำประชามติ หรือว่านี่เป็นเจตนาเพื่อที่จะให้เกิดแรงกระเพื่อมนำไปสู่การล้มประชามติ
แม้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่าพวกบ้าเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แต่หากมองถึงวิธีหรือแนวทางที่จะทำให้ผู้มีอำนาจในนามคณะรัฐประหารอยู่ต่อเพื่อดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้สงบ มันก็มองไม่เห็นวิธีอื่น เพราะการจะยืนอยู่ในอำนาจในนามรัฏฐาธิปัตย์ มันมองไม่เห็นหนทางที่มีความชอบธรรมอย่างไร นอกจากการใช้วิธีการรวบหัวรวบหางสร้างความชอบธรรมแห่งอำนาจเหมือนที่ผ่านมา
ทว่าการคิดจะอยู่ต่อโดยใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนั้น มันไม่น่าจะง่ายเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากท่าทีของคนกันเองที่เคยสนับสนุนกระบอกปืนให้มาล้มระบอบทักษิณ ระดับ นายแพทย์ประเวศ วะสี ก็แสดงความไม่แฮปปี้ต่อองค์รัฏฐาธิปัตย์อีกต่อไป ถึงขั้นแสดงความผิดหวังและสิ้นหวังกันเลยทีเดียว เหมือนที่ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ตั้งข้อสังเกตว่า ราษฎรอาวุโสเพิ่งดวงตาเห็นธรรม
แต่จะว่าไปแล้วท่าทีเพียงเท่านี้จะนำมาทึกทักว่าคนกันเองเริ่มไม่ค่อยพอใจบทบาทของฝ่ายรัฏฐาธิปัตย์ คงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะมีคนเกลียดย่อมมีคนรัก และคนที่ยังเชียร์บิ๊กตู่และคณะคสช.อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรนั่นก็คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งยังเชื่อมั่นว่าตัวเองมีมวลมหาประชาชนที่สนับสนุนอยู่จำนวนมหาศาล
ขณะเดียวกันการขยับของคนบางกลุ่มอย่างกรณีของหมอประเวศ หากฝ่ายที่ถูกกล่าวถึงหยิบยกเอาประเด็นการเสียประโยชน์ในองค์กรตระกูลส.มาดิสเครดิต ก็จะกลายเป็นเรื่องความไม่พอใจอันเนื่องมาจากผลประโยชน์ไปเสียฉิบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหากมองให้เป็นเรื่องดี ก็น่าที่จะช่วยทำให้คนที่ไม่เอนเอียงหรือยืนอยู่ข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่า ที่ใดมีอำนาจที่นั่นย่อมหนีเรื่องประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องไม่พ้น
ไม่แน่ว่ามาตรการผ่อนปรนของหัวหน้าคสช.ตั้งแต่การยกเลิกห้ามนักการเมืองเดินทางไปต่างประเทศ จนมาถึงการปรับเปลี่ยนสถานที่ปรับทัศนคติฝ่ายเห็นต่างผู้มีอำนาจจากค่ายทหารไปเป็นศาลากลางจังหวัดหรือสถานีตำรวจ อาจเป็นการเดินเกมของผู้มีอำนาจเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ก่อนที่จะหันกลับมาใช้ไม้แข็งอีกรอบหากเห็นว่าหลังการผ่อนปรนแล้วมีการละเมิดหรือท้าทายอำนาจมากขึ้น สิ่งที่ทำเป็นความจริงใจหรือแค่ขุดบ่อล่อปลา ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์