SET เสี่ยงเจอแรงขายทำกำไรชู 14 หุ้นแนวโน้มแกร่งกว่าตลาด
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสถูกขายทำกำไรระยะสั้นและผันผวนสูง เนื่องจากดัชนีมีการปรับตัวขึ้นแรงมาก่อนหน้านี้ พร้อมแนะติดตาม FED อย่างไรก็ตามไม่ว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนนี้หรือเดือนหน้า โอกาสที่ตลาดหุ้นจะผันผวนมีสูงขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.02 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.35 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่า
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสถูกขายทำกำไรระยะสั้นและผันผวนสูง เนื่องจากดัชนีมีการปรับตัวขึ้นแรงมาก่อนหน้านี้ พร้อมแนะติดตาม FED อย่างไรก็ตามไม่ว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนนี้หรือเดือนหน้า โอกาสที่ตลาดหุ้นจะผันผวนมีสูงขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ AOT, THAI, KBANK, SCB, KTB, CPALL , ROBINS , CPN , MINT,KBS , BRR , TVO, MEGA และ BDMS
บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (6 มิ.ย.) ว่า วันนี้ตลาดให้ความสำคัญกับการแถลงของประธาน FED หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ตามไม่ว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนนี้หรือเดือนหน้า โอกาสที่ตลาดหุ้นจะผันผวนมีสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ ที่ขึ้นมาสูงมากๆ แต่กำไรของตลาดไม่หนุน โดยใน Q1/16 อัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นในตลาด S&P 500 ติดลบ 5% ส่วนแนวโน้มใน Q2/16 ตอนนี้ยังติดลบที่ 3.5% เพราะฉะนั้นหากกำไรของตลาดยังติดลบ ขณะที่ดัชนีขึ้นสูงมาก โอกาสการปรับฐานจึงน่าจะเกิดขึ้น ส่วนในตลาดหุ้นไทยก็เป็นอีกตลาด ที่กำลังขึ้นไปเล่นเหนือค่าเฉลี่ย P/E 12 เดือนล่วงหน้า 10 ปี หากยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา เรามองว่า ตลาดจะเผชิญแรงขาย ในกลุ่ม พลังงาน ปิโตรเคมี สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก และโยงท่องเที่ยว ในประเด็นของกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ค้าปลีกและที่โยงท่องเที่ยว แรงขายที่เกิดขึ้นมาจากราคาหุ้นเริ่มแพง ขณะที่ภาพรวมๆของอุตสาหกรรมดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนธนาคารและสื่อสาร แรงซื้อน่าจะเอา Yield และราคาหุ้นลงไปลึก คือซื้อแล้วหยุดวันนี้มองแม้ตลาดจะได้แรงหนุนจากดัชนีในภูมิภาคแต่การที่ดัชนีในสัปดาห์ที่ผ่านมาขึ้นมาอย่างต่อเนื่องขณะที่ราคาน้ำมันยังไม่ไปไหน ส่งผลให้วันนี้จะมีแรงขายทำกำไรโดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1442-1446 จุด แนวรับที่ 1430-1425 จุด วันนี้แนะนำซื้อเก็งกำไร MEGA และ BDMS
บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (6 มิ.ย.) สำหรับตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านมาปิด +0.87 % ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5.3 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อสุทธิ 5.5 พัน ลบ. ( มีรายการ Big Lot ของ CPALL มูลค่า 4.9 พัน ลบ. ) และพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 2.3 พัน ลบ. ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Market Cap. ใหญ่ เช่น กลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี , CPF และ CPALL กลยุทธ์การลงทุน จากทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐที่อาจจะยังไม่ขึ้นใน มิ.ย. นี้ ยังส่งผลบวกต่อ Fund Flow ที่ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ และส่งผลบวกต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จากดอลลาร์อ่อนค่ายังช่วยหนุนตลาด
ประเมินแนวรับดัชนี SET ไว้ที่ 1,415 – 1,420 จุด หากยืนได้ยังแนะนำถือพอร์ต ระยะสั้นแนะนำซื้อเก็งกำไร CPALL , ROBINS , CPN , MINT ( คาดได้ประโยชน์การบริโภคเพิ่มขึ้นในช่วงฟุตบอลยูโร ) / KBS , BRR , TVO ( + จากราคาสินค้า Commodity ปรับเพิ่มขึ้น )
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (6 มิ.ย.) มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ เชื่อว่า SET ที่ปรับขึ้นทำสถิติสุดสุดของปีนี้ มีโอกาสถูกขายทำกำไรระยะสั้นและผันผวนสูง เนื่องจาก SET ปรับขึ้นกว่า 11.5% YTD ซึ่ง Outperform ตลาดหุ้นภูมิภาค และนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นหลัก ดังนั้นหากราคาน้ำมันดิบไม่สามารถยืนเหนือระดับ US$50/บาร์เรล เราถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ SET ปรับลงได้โดยง่าย แต่จะเป็นการปรับลงเพียงชั่วคราว เพราะเรายังเชื่อว่า Fund Flow ยังไม่ไหลออกจนกว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้วันนี้ค่าเงินบาทและภูมิภาคแข็งค่าเป็นอย่างมากจะเป็นปัจจัยหนุนตลาด แต่ดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศและภูมิภาคผันผวนอยู่ในกรอบแคบดังนั้น SET มีโอกาสไปต่อแต่ก็จะถูกขายทำกำไรเป็นระยะๆ ดังนั้นจึงแนะนำ Sell into strength
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/ขึ้นแรงขาย ลงแรงซื้อกลับ
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: AOT (Underperform SET มานาน มีโอกาสปรับเป้าขึ้น) และ THAI (หุ้น Turnaround)
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (6 มิ.ย.) ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค.สหรัฐฯ อ่อนแอว่าที่คาด เพิ่ม 38,000 ตำแหน่ง (คาด 162,000 ตำแหน่ง) ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงต่อเหลือ 4.7% ส่งผลโอกาสที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยกลางเดือนนี้ลดเหลือ 4% เท่านั้น และมีโอกาสต่ำกว่า 35% ที่จะขึ้นดอกเบี้ยใน 3Q16 และ Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯ-ไทย ลดลงเหลือ 1.7% และ 2.24% ตามลำดับ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ 35.3 บาท/ดอลลาร์ฯ คาด SET ปรับสูงขึ้นต่อด้วยแรงหนุนจากทั้ง “Liquidity Driven” และ “Earnings Driven”
กลุ่มธนาคาร ประกันชีวิต อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น แต่ยังแนะนำ “ซื้อ” KBANK SCB KTB ต่อ มองดอกเบี้ยขึ้นช้า แต่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว