พาราสาวะถี อรชุน
ไม่รู้ว่าแค่แอบอ้างหรือสั่งการจริง กรณีนายทหารยศร้อยตรีไปขอร้อง จตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำนปช.ไม่ให้แถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ย่อมไม่เป็นผลดีต่อผู้มีอำนาจอย่างแน่นอน ต้องไม่ลืมว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้กรณีดังกล่าวสามารถดำเนินการได้
ไม่รู้ว่าแค่แอบอ้างหรือสั่งการจริง กรณีนายทหารยศร้อยตรีไปขอร้อง จตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำนปช.ไม่ให้แถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ย่อมไม่เป็นผลดีต่อผู้มีอำนาจอย่างแน่นอน ต้องไม่ลืมว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้กรณีดังกล่าวสามารถดำเนินการได้
แม้จะเป็นการพูดแบบไม่เต็มใจนัก เนื่องจากมีการกระแนะกระแหนตามมาด้วย แต่โดยภาพรวมคือเปิดได้ ข้อความที่บิ๊กตู่พูดในวันนั้นคือ “ก็เปิดไปสิไปร่วมมือกันมา จับมาก็จับตัวเองด้วยแล้วกัน ที่ผ่านมาไม่เห็นจับ ถ้าไปจับ ผมก็ร่วมมืออยู่แล้ว ผมก็ไม่อยากให้โกง จะไปโกงอะไร โกงคะแนนเสียง มีประสบการณ์การโกงใช่หรือไม่ ก็ไปจับมาสิ”
ขณะที่ ประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ก็ยืนยันถึงการดำเนินการดังกล่าว ไม่ได้ขัดข้องใดๆ และยังต้องขอบคุณที่ประชาชนให้ความสำคัญในการตั้งศูนย์ปราบโกงสนับสนุนการทำประชามติให้คนอยากมาใช้สิทธิออกเสียงมากขึ้น เพียงแต่ขอให้ระมัดระวังให้การดำเนินการอยู่ในขอบเขตตามสิทธิที่กฎหมายเอื้อไว้ให้ ซึ่งทุกคนจะต้องรับผิดชอบตัวเอง
ด้วยเหตุนี้กระมัง จตุพรจึงสวนทหารที่มาขอความร่วมมือด้วยท่วงทำนองที่หนักหน่วง ขอให้ไปปรึกษาหารือกับผู้บังคับบัญชาใหม่ เพราะการรักษาคำพูดเป็นเรื่องสำคัญ นายกฯเป็นรัฏฐาธิปัตย์ หากกลับคำก็เหมือนกับถ่มน้ำลายแล้วเลียกลับ ถ้าทำเช่นนี้จะเกิดความเสื่อมเสียกับบิ๊กตู่เอง ขณะที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีก็อนุญาตให้ทำได้ แต่พอเอาจริง “จิตใจขี้หมา”
ถูกต้องเหมือนอย่างที่จตุพร สะกิดเตือน หากห้ามแถลงเปิดศูนย์ปราบโกงดังกล่าว จะเป็นเรื่องใหญ่กว่าการแถลงเพราะมีทั้งสื่อไทย สื่อนอกติดตามอยู่ การทำแบบนี้เท่ากับทำลายเกียรติภูมิของพลเอกประยุทธ์เอง ทั้งๆ ที่ความจริงการเปิดศูนย์ของนปช.หลังแถลงเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ โดยประธานนปช.สำทับว่าตนเป็นคนปากกับใจตรงกัน ดังนั้น ถ้าไม่คิดโกงหรือล้มประชามติ ก็อย่าขัดขวาง
ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรที่จะทำให้เป็นประเด็นแม้แต่น้อย ในเมื่อท่านผู้นำยืนยันมาโดยตลอดทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส จึงมองไม่เห็นความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปกลัวศูนย์ปราบโกงดังว่า เช่นเดียวกันกับกรณีร่างรัฐธรรมนูญ ในเมื่อ มีชัย ฤชุพันธุ์ ยืนยันมาโดยตลอดกรธ.ทำแต่ของดี เมื่อดีแล้วก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องห้ามคนวิพากษ์วิจารณ์
หากไม่เขียนกฎหมายประชามติให้มันกำกวมและเป็นปัญหาตั้งแต่ต้น วันนี้ก็ไม่มีเหตุที่จะต้องมานั่งถกเถียงกันว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายประชามติมาตรา 61 วรรคสอง ขัดต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว จะเป็นเหตุให้การลงประชามติต้องเลิกหรือเลื่อนออกไปหรือไม่ จึงทำให้ต้องมองย้อนกลับไปยังเจตนาของมือกฎหมายฝ่ายผู้มีอำนาจว่าคิดอะไรกันอยู่
หรือจะเป็นอย่างที่ จาตุรนต์ ฉายแสง แสดงความเห็นล่าสุด ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ กฎหมายประชามติ มาตรา 7 ถูกละเมิดโดยผู้มีอำนาจทั้งหลายรวมทั้งกรธ.เอง มาตรา 61 กำกวมและถูกใช้อย่างบิดเบือน เสรีภาพในการแสดงความเห็นและเผยแพร่ความเห็น ตามมาตรา 7 ไม่ได้รับการคุ้มครอง เช่น การพูดว่าไม่รับ การใส่เสื้อมีข้อความว่ารับ-ไม่รับ ทั้งๆ ที่ไม่ได้บอกว่ารับ-ไม่รับอะไร ก็ถูกตีความว่าผิดกฎหมาย
การจัดเสวนาโดยไม่มีหน่วยราชการเข้าร่วมทำไม่ได้ การแจกเอกสารเผยแพร่ความคิดเห็นก็ว่าทำไม่ได้ การแสดงความเห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้ไม่ดีอย่างไร กลายเป็นการบิดเบือน เป็นต้น การกระทำเหล่านี้ไม่ได้ผิดกฎหมายประชามติเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ถูกตีความบิดเบือนคาดโทษร้ายแรงถึงจำคุก 10 ปี นี่แหละเป็นสาเหตุให้การทำประชามติครั้งนี้ไม่เสรีและเป็นธรรม
เวลานี้มีคนสนใจเรื่องการโกงประชามติกันมากขึ้นๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีและควรส่งเสริมให้มีการรณรงค์ป้องกันการโกงอย่างจริงจัง แต่อยากจะฝากว่าการที่ผู้มีอำนาจใช้เจ้าหน้าที่และกลไกของรัฐชี้นำอยู่ฝ่ายเดียว และการบิดเบือนกฎหมายเพื่อปิดกั้นไม่ให้แสดงความเห็นโต้แย้งนั้นเป็นการโกงประชามติอย่างหนึ่ง การโกงประชามติได้เกิดขึ้นทุกวันอยู่แล้วและการป้องกันขจัดการโกงประชามติควรต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้
จะว่าไปแล้วกล่าวสำหรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นอกจากเนื้อหาที่ถูกวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางแต่มาถูกขีดกรอบในช่วงของการทำประชามติด้วยกฎหมายปิดปาก หากมองถึงรากที่มาอย่างแท้จริงแล้ว อย่างที่ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ บอกไว้วันก่อน เรื่องรัฐธรรมนูญทั้งหมดที่รณรงค์อยู่มันร่างโดยการมีกรอบที่ถูกกำหนดไว้แล้วตามกรอบรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 35
มาตรานี้มาจากรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่กำหนดโดยคณะรัฐประหาร พูดใหม่ได้ว่าฉบับที่กำลังเตรียมการลงประชามติกันนี้ ร่างมาตามกรอบรัฐธรรมนูญซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประชาชนเลย พวกเนติบริกรร่างตามกรอบคณะรัฐประหารทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้อาจารย์ยิ้มจึงถือโอกาสประกาศจุดยืนของตัวเองว่า ใครจะร่วมประชามติไหม จะร่วมก็ได้ไม่ร่วมก็ได้ แต่ถ้าถามตนจะไปลงมติไม่รับ มันหมายถึงไม่รับมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ไม่รับอำนาจรัฐประหารโดยตรง
อย่างไรก็ตาม อย่างที่พูดกันมาโดยตลอด เหตุที่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญหนนี้มันพิลึกพิลั่น เป็นผลมาจากความไม่มั่นใจของคณะรัฐประหารที่มาจากหลายด้าน โดย อนุสรณ์ วรรณโณ ชี้ให้เห็นปัจจัยแห่งความไม่มั่นใจว่า ด้านหนึ่งมาจากฝ่ายเห็นต่างเดิมจำนวนมากที่ถูกกดทับและซุ่มรอแสดงพลัง ด้านหนึ่งมาจากเครือข่ายพันธมิตรเก่าที่ตีจากเพราะอกหักผิดหวังซึ่งมีจำนวนไม่น้อย
อีกด้านมาจากกลุ่มที่เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญบางมาตราส่งผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง ทว่าในชั้นนี้คณะรัฐประหารเลือกเดินหน้าด้วยหวังว่า การโหมประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญผ่านกลไกทั้งหมดที่มีอยู่จะสามารถดึงคะแนนจากคนทั่วไปได้ แต่ในสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้มันเปลี่ยนไปจากที่ฝ่ายผู้มีอำนาจคาดหมายไว้ไม่น้อย ดังนั้น กระแสข่าวเรื่องล้มก่อนลงประชามติโดยอาศัยมือศาลรัฐธรรมนูญจึงมีความเป็นไปได้สูง