เหตุผลของการพักฐานพลวัต 2016
เมื่อถึงเวลาของภาวะกระทิงเล็กๆ ใกล้จะสิ้นสุดลงในตลาดหุ้นไทย เพราะว่า ดัชนีไม่สามารถทะยานต่อไปได้เหนือ 1,450 จุดวานนี้ ก็มีคำอธิบายหลายหลากออกมาเพื่อสร้างความชอบธรรมว่า นักวิเคราะห์ถูกเสมอในทุกสถานการณ์ (ซึ่งไม่เคยเป็นความจริง)
วิษณุ โชลิตกุล
เมื่อถึงเวลาของภาวะกระทิงเล็กๆ ใกล้จะสิ้นสุดลงในตลาดหุ้นไทย เพราะว่า ดัชนีไม่สามารถทะยานต่อไปได้เหนือ 1,450 จุดวานนี้ ก็มีคำอธิบายหลายหลากออกมาเพื่อสร้างความชอบธรรมว่า นักวิเคราะห์ถูกเสมอในทุกสถานการณ์ (ซึ่งไม่เคยเป็นความจริง)
บางสำนักยกเหตุผลง่ายๆ ว่า เพราะตลาดและนักลงทุนรายใหญ่รอนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดฯ กล่าวสุนทรพจน์ก่อนเที่ยงคืนที่ผ่านมา ซึ่งจะแสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ก่อนการประชุมเฟดฯในสัปดาห์หน้า เผื่อว่า นางเยลเลนจะเผลอหลุดคำพูดที่ทำให้ตลาดประหลาดใจต้องตีความกันใหม่อีกครั้ง เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
บางสำนักไม่ไปไกลขนาดนั้น เพียงแค่บอกว่าการที่ดัชนีในตลาดยุโรปผันผวนเมื่อวานนี้ตรงกับเวลาซื้อขายภาคบ่ายของไทย กดดันให้ดัชนีไม่กล้าทะยานไกล หลังจากพบว่า กระแสเงินทุนไหลเข้า (Fund flow) นักลงทุนต่างชาติไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร โดยเฉพาะหลังจากปิดตลาดวานนี้ มีตัวเลขการขายล่วงหน้าในตลาดตราสารอนุพันธ์ทั้งของต่างชาติ และกองทุนในประเทศพร้อมกันอย่างค่อนข้างหนัก ตรงกันข้ามกับการซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อยในกระดานหลักของตลาด
บางสำนักไม่คิดซับซ้อนมากเกินไป เพียงแค่บอกว่าเมื่อสัญญาณระบุว่าดัชนีตลาดที่ทะยานขึ้นมาแรงต่อเนื่องหลายวันในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ดัชนีเข้าเขตซื้อมากเกินไป เป็นขีดจำกัดขาขึ้นที่จะต้องพักฐานย่อตัวลงมาสร้างแนวรับครั้งใหม่เสียก่อน ถึงจะไปต่อได้ ตามสูตร “ลงเพื่อขึ้น” ของภาวะพักฐานตามปกติ
ทั้งสามแนวทางนี้ อาจจะขัดแย้งกันบ้าง แต่ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ ในระยะสั้น ดัชนีของตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ได้ส่งสัญญาณชัดเจนในตอนบ่ายก่อนปิดตลาดว่า ยากจะเดินหน้าไปยืนเหนือ 1,450 ได้ หากปราศจากปัจจัยที่จะสามารถสร้างแรงเหวี่ยงหรือโมเมนตัมของตลาดที่รุนแรงพอสมควรให้ทะยานต่อไปได้โดยไม่ต้องใส่ใจกับสัญญาณทางเทคนิค
เพียงแต่การพักฐานของตลาดหุ้นในระยะสั้น ไม่อาจจะมองได้ว่าเป็นการร่วงลงเพราะตลาดหุ้นมีค่าพี/อีสูงเกินหรือวิ่งขึ้นเกินพื้นฐานเป็นสำคัญ แม้ว่าโดยข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม เพราะโดยสภาพของตลาดหุ้นทั่วโลกแล้ว การที่มีสภาพทุนส่วนเกินมากมาย ทำให้โอกาสที่ดัชนีจะยังคงไปต่อสวนกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ยังเป็นไปได้อยู่มาก
เหตุผลสำคัญ นอกจากไทยจะมีเงินทุนสำรองเงินตราที่แข็งแกร่ง และดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังเป็นบวกต่อเนื่องทุกเดือน แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะยังคงเปราะบางต่อการเติบโตในอนาคต ก็ยังคงมีตัวแปรระยะสั้นอื่นๆ มาสนับสนุน โดยที่ เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องไปอีก หลังสหรัฐฯประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดปรับลดโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดฯ ซึ่งยังผลให้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยอยู่ในวงจำกัดมาก เพราะตลาดมีอุปทานของทุนเก็งกำไรส่วนเกินจำนวนมากเข้ามาสนับสนุน ทั้งจากการออกพันธบัตรใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย และความแข็งแกร่งโดยพื้นฐานของบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ที่ถูกคาดหมายว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้ จะมีผลการดำเนินงานในทางบวกมากกว่าไตรมาสแรกชัดเจน
นักวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดไทยมีมุมมองเชิงบวกว่า กรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยระยะสั้นที่ระดับ 1,420-1,450 จุด เป็นภาวะชั่วคราว โดยมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตระยะกลาง เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกสนับสนุนแนวโน้มจากการเลื่อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยค่าเงินบาทของไทยและค่าเงินในตลาดภูมิภาคเริ่มแข็งค่าขึ้น สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง บ่งชี้ได้ว่า เริ่มมีกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเพิ่มเติมบางส่วน
ที่สำคัญ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมาก ที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ตามเสถียรภาพของราคาน้ำมัน ก็ยังคงทำให้เกิดความหวังขึ้นมาใหม่ว่า จะเพิ่มกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น นอกเหนือจากเงินใช้จ่ายภาครัฐฯที่กระตุ้นเศรษฐกิจบางส่วน ก็ยังเป็นปัจจัยบวกที่น่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว สามารถเดินหน้าต่อขึ้นไปได้ แม้ว่าจะยังมีความเสี่ยงจากความแปรปรวนของเศรษฐกิจบางภาคที่ยังเปราะบางอยู่ไม่น้อย จากการที่ตัวเลขส่งออกยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนัก
โดยเฉพาะตัวแปรทางการเมืองที่นับวันจะยิ่งร้อนแรงและแหลมคมมากขึ้น จากการกล่าวหาและโฆษณาชวนเชื่อเพื่อทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามทางอำนาจ ก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่มีเนื้อหาสาระเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จอย่างมาก อาจจะเป็นตัวแปรที่คาดไม่ถึงและชวนให้กังวลได้เช่นกัน
เหตุผลของการพักฐานระยะสั้นเพื่อจะขึ้นต่อไปแม้จะทำให้ดูมีความหวังต่ออนาคตในเชิงบวก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นความจริงที่เป็นสัจธรรม เพราะอนาคตนั้นยากจะคาดเดาได้ยาวไกล ภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจและการเมืองโลกและประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย ยังคงไร้สมดุลอย่างมากยามนี้
ความไม่ประมาท จึงเป็นอาวุธสำคัญสำหรับนักลงทุนระดับแมงเม่าในยามนี้ ที่ต้องยึดกุมให้มั่นกว่าปกติ