“ออลล่า” ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 150 ล้านหุ้น จ่อเทรด SET
บมจ.ออลล่า ผู้ดำเนินธุรกิจผลิต จำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น จ่อเข้าเทรด SET หวังระดมเงินลงทุนโครงการใหม่ โดยมี บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) version แรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.59 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์จะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET โดยมี บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
โดยบริษัทดำเนินธุรกิจผลิต จำหน่าย และติดตั้งอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ เครนและรอกไฟฟ้า (Crane and Hoist) เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายพร้อมติดตั้งสะพานปรับระดับ (Loading Dock Leveler) ประตูอุตสาหกรรม (Industrial Door) ม่านริ้วพีวีซี (PVC Strip Curtain) และม่านตัดอากาศ (Air Curtain) รวมถึงการให้บริการต่างๆ ได้แก่ บริการหลังการขาย และศูนย์ฝึกอบรม
ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อใช้ลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัท ได้แก่ การก่อสร้างคลังสินค้าของบริษัทย่อย, จัดตั้งบริษัทร่วมในอินโดนีเซียเพื่อขยายกิจการ, ก่อสร้างโรงงาน รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีโครงการในอนาคตของบริษัทและบริษัทย่อย คือ
1.โครงการก่อสร้างคลังสินค้าของบริษัทย่อยที่จังหวัดปทุมธานี บนพื้นที่ 5 ไร่ 1 งาน 22.6 ตารางวา เพื่อใช้เก็บสต็อกสินค้า โดยคลังสินค้าจะมีพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ประมาณไตรมาส 3/60
2.โครงการร่วมลงทุนกับ PT. Wirya Krenindo Perkasa ในประเทศอินโดนีเซีย โดยจัดตั้งบริษัทใหม่ NewCo ขึ้นมาเพื่อประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายเครนและรอกไฟฟ้า โดยบริษัทคาดว่าจะถือหุ้นในสัดส่วน 33% และ PT. Wirya Krenindo Perkasa 67% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด คิดเป็นเงินลงทุนตามสัดส่วนของบริษัทประมาณ 10 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการร่วมทุนเสร็จสิ้นและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปี 60
3.โครงการขยายพื้นที่โรงงานของบริษัท โดยมีแผนที่จะซื้อที่ดินที่ติดกับโรงงานผลิตเครนของบริษัทในปัจจุบันมีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 58 ล้านบาท และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 60 และแล้วเสร็จได้ประมาณปี 61
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทช่วงไตรมาส 1/59 บริษัทมีรายได้ 132.51 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/58 มีรายได้ 216.43 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 16.78 ล้านบาท ลดลงจาก 34.66 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่องและการแข่งขันที่สูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนขายและบริการ ลดลง 42.64% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับรายได้จากการขายและบริการที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง
โดยล่าสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.59 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 656.08 ล้านบาท หนี้สินรวม 293.19 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 362.90 ล้านบาท บริษัทมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 225 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 450,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 150,000,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 25% ของทุนจดทะเบียน จะทำให้บริษัทมีทุนที่ออกและชำระแล้ว 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 600,000,000 หุ้น
ด้านผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทได้แก่ กลุ่มปัณฑุยากร ถือหุ้น 382.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 85% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 63.75% รองลงมาเป็น นายธราธร รัตนศรีทอง ถือหุ้น 67.50 ล้านหุ้น คิดเป็น 15% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.25%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในแต่ละปีในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการในแต่ละงวดบัญชีหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด