คิดนอกลู่นอกทางขี่พายุ ทะลุฟ้า
คุณเสธ.ไก่อู ตอบโต้พิชัย นริพทะพันธุ์มาก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาค
ชาญชัย สงวนวงศ์
คุณเสธ.ไก่อู ตอบโต้พิชัย นริพทะพันธุ์มาก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า เศรษฐกิจไทยไม่ได้ขยายตัวต่ำสุดในภูมิภาค
แต่ล่าสุดนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ได้ออกบทรายงานการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะเติบโตในระดับแค่ 3%
อันเป็นระดับที่เติบโตต่ำสุดในอาเซียน
เรื่องของตัวเลขความเติบโต เถียงกันไป ก็มีแต่จะทะเลาะวิวาทกันไปเสียเปล่าๆ
เอาเป็นว่า ตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ก็ช่างเถอะ ขอให้การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่าหลงทิศผิดทางก็แล้วกัน
อะไรที่เป็นเรื่องเล็ก ก็อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่
อะไรที่เป็นเรื่องง่าย ก็อย่าทำให้เป็นเรื่องยาก
และอะไรที่พอจะสานต่อจากรัฐบาลในอดีตได้ ก็อย่าได้หาเรื่องคิดแหวกแนว เพียงเพื่อจะได้ชื่อว่า รัฐบาลนี้ไม่ทำชั่วเหมือนรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา
การบริหารเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คงไม่มีเวลาให้ลองผิดลองถูกอะไรอีกแล้ว
อะไรที่มันเดินมาผิดทาง และไม่เห็นวี่แววว่ามันจะเวิร์ค ก็ต้องกลับมานั่งทบทวน อย่าฝืนเดินไปข้างหน้าต่อไป
อย่างเช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอย่างเนี้ย คุณมาคิดในยุคของ “AEC” ที่พรมแดนกำลังไร้ความหมาย แล้วคุณจะมาสร้างแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนที่ชายแดนไปทำไม
ถนนหนทางก็ไปยาก โครงสร้างพื้นฐานรองรับเช่นน้ำ ไฟก็ไม่มี ต้องไปสร้างขึ้นมาใหม่หมด การขนส่งหรือโลจิสติคส์ก็ต้องสิ้นเปลืองมากทั้งเอาวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์สำคัญเข้าไป และนำผลิตภัณฑ์ออกมาสู่ตลาด
สู้ไปพัฒนาหรือต่อยอดแหล่งทำเลเก่าที่กระจายตัวอยู่ทั่วทุกภาคจะไม่ดีกว่าหรือ
อะไรที่ดีอยู่แล้ว ก็อย่าได้คิดอุตริทำใหม่ เพื่อไปเสี่ยงภัยเอากับหนทางข้างหน้าซึ่งไม่แน่ไม่นอนเลย
อย่างเช่นตลาดหลักทรัพย์ อันเป็นแหล่งระดมทุนใหญ่ของประเทศอย่างเนี้ย ถามว่าของเก่าที่สืบสานกันมาจนถึงปัจจุบัน ทำไว้ดีไหม
ก็ตอบได้ว่าดีในระดับหนึ่งนะ มีศักยภาพพอจะแข่งขันได้กับตลาดในภูมิภาค กระทั่งตลาดหุ้นสิงคโปร์เลยเชียวแหละ ซึ่งเดี๋ยวนี้มูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันมากกว่าตลาดสิงคโปร์แล้ว
แต่ “ทิ้งค์-แท้งค์” ของท่านสมคิด รวมทั้งก.ล.ต.ด้วยแหละ ดันไปตั้งโจทย์ว่าตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีผู้ถือหุ้นที่ชัดเจน จึงไม่มีเจ้าภาพ
นี่เป็นตัวอย่างของการตั้งโจทย์ผิดเลยแหละ ควรจะคิดโจทย์ว่า ทำอย่างไรจะสร้างให้ไทยเป็นฮับการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ เรื่องภาษีก็ต้องขจัดการซ้ำซ้อน
กฎหมายต้องเป็นสากล รวดเร็ว และมาตรฐานเดียว การขอใบอนุญาตการอยู่อาศัยของคนต่างชาติ ตลอดจนการทำงาน ก็ต้องจัดระบบอำนวยความสะดวกให้มีประสิทธิภาพดีกว่านี้
การไปแก้โจทย์ที่โครงสร้างผู้ถือหุ้นตลาดหลักทรัพย์ มันไปช่วยยกศักยภาพการแข่งขันกับตลาดในภูมิภาคตรงไหน
ยิ่งจะให้กระทรวงคลังเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มันไม่ถือเป็นการถอยหลังเข้าคลองไปหน่อยหรือครับฯพณท่านฯ
เรื่อง “ซุปเปอร์ โฮลดิ้ง” หรือ “ซุปเปอร์บอร์ด” ที่จะมีการรวมเอารัฐวิสาหกิจใหญ่เป้งตั้ง 10-12 แห่งนี่ก็อีกเช่นกัน
คิดเพียงแต่ว่า จะหอบเอารัฐวิสาหกิจดิ้นหนีออกจากอำนาจนักการเมือง แต่เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าหากการรวมศูนย์รัฐวิสาหกิจเกิดขึ้นจริง ไม่คิดว่าจะเป็นการรวมศูนย์ไปให้นักการเมืองเข้ามากระชับอำนาจได้ง่ายดายขึ้นอีกหรือ
ปัญหาว่า จะเสาะหา “ซุปเปอร์บอร์ด” ผู้มีความรู้ความสามารถอย่างหลากหลายมาควบคุมกำกับดูแล “ซุปเปอร์ โฮลดิ้ง” ได้ง่ายดายนักหรือ
เรื่องรัฐวิสาหกิจ ควรจะต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือดำเนินนโยบายกระทรวงที่เกี่ยวข้องล่ะ ไม่คิดถึงคุณูปการกันบ้างเลยหรือไร
นี่มันสนามรบเศรษฐกิจตัวจริงนะ อย่าคิดแบบนักเลคเชอร์ในห้องเรียนอยู่เลย