NETBAY กระแสแรง! ลุ้นทะลุ 5 บ.ชูธุรกิจแกร่ง-แผนงานอนาคตเพียบ

NETBAY พร้อมเทรดวันนี้ ลุ้นราคาทะลุเป้า 5 บ. มั่นใจนักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพแข็งแกร่ง ผู้บริหารชูจุดแข็งทางธุรกิจที่เป็นศูนย์กลางให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลธุรกรรมทางออนไลน์


NETBAY พร้อมเทรดวันนี้ ลุ้นราคาทะลุเป้า 5 บ. มั่นใจนักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพแข็งแกร่ง ผู้บริหารชูจุดแข็งทางธุรกิจที่เป็นศูนย์กลางให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลธุรกรรมทางออนไลน์

นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และให้บริการธุรกรรมออนไลน์ (e-Business) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันนี้ (16 มิ.ย.) หลังได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาจองซื้อ 4 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 8-10 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีความมั่นใจว่าหุ้น NETBAY จะได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

สำหรับจุดแข็งของบริษัทคือมีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม ICT ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์และเน็ตเวิร์ค ให้แก่ลูกค้าภาครัฐหรือเอกชนเป็นรายโครงการ (Software Integrators) หรือเป็นผู้ประกอบการที่รับจ้างผลิตและพัฒนาซอฟท์แวร์ (Software House) แต่ NETBAY นับเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) หรือซอฟท์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบออนไลน์ภายใต้แนวคิด Better Faster Cheaper

โดยลูกค้าจะไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อซอฟท์แวร์ รวมถึงไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์และค่าบำรุงรักษารายปี ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร รวมถึงช่วยควบคุมต้นทุนเนื่องจากจะคิดค่าใช้บริการตามปริมาณการใช้งานจริงหรือคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน ส่งผลให้รายได้ของบริษัทมีความมั่นคงสม่ำเสมอและเติบโตตามฐานจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายการให้บริการธุรกรรมข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ e-DLT (Department of Land Transport) เพื่อให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลการชำระภาษีรถยนต์ทุกประเภทระหว่างกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายและข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก โดยระบบดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สามารถชำระภาษีรถยนต์ทุกประเภททางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้หลายรายการพร้อมกันในคราวเดียว เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายการชำระภาษีรถยนต์ รวมถึงช่วยลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก

 

ด้าน นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า จากพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งของเน็ตเบย์ ซึ่งเป็นผู้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของตนเองเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ช่วยให้ลูกค้าลดขั้นตอนและความซับซ้อนในการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลธุรกรรมทางออนไลน์ จึงทำให้เน็ตเบย์มีฐานรายได้ที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอจากปริมาณลูกค้าที่มาใช้บริการธุรกรรมทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยผลการดำเนินงานในปี 2556-2558 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 149.30, 184.74 และ 223.81ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่ไตรมาส 1/59 มีรายได้จากการให้บริการรวมทั้งสิ้น 63.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.45% และมีกำไรสุทธิ 19.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.88% สะท้อนถึงขีดความสามารถการทำรายได้และกำไรที่ดี นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 เพียง 0.42 เท่า (ปัจจุบันไม่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ย) สะท้อนว่าบริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง

อนึ่ง NETBAY ได้เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 40 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 160 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับการขยายธุรกิจ

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสม 4.76 บาท  ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 59 ที่ 5.15 บาท

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า NETBAY เทรดวันนี้เป็นวันแรก โดยคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ถึง 5.22 บาท คำนวณจาก P/E กลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 15.83 เท่า (P/E กลุ่ม ICT ล่าสุด ณ วันที่ 14 มิ.ย.59) และกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 0.33 บาท/หุ้น

Back to top button