KAMART:ปีนี้ยอดขาย-มาร์จิ้นเพิ่มขึ้นโบรกฯแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 9 บ.
KAMART:ปีนี้ยอดขาย-มาร์จิ้นเพิ่มขึ้นในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อ โดยหากให้เป้าหมาย P/E เป้าหมายที่ 23 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ยของ EPS Growth ในปี 59-60) จะได้ราคาเป้าหมาย KAMART ปี 59 เท่ากับ 9 บาท และคาดการณ์ Dividend Yield ที่ 3%
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (17 มิ.ย.) บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART ผลประกอบการไตรมาส 1/59 เติบโตแกร่ง โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 11%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 9%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เป็น 324 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งสินค้าและแบรนด์ของบริษัทเป็นที่รู้จักในตลาดกว้างขวางมากขึ้น แต่ปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตได้ Outperform กลุ่ม คือมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ทั้งในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 56.6% จาก 54.4% ในไตรมาส 1/58 เนื่องจากมีการผลิตสินค้าเองมากขึ้นและมี Economy of scale ที่ดีขึ้น
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็ลดลง (-2%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) บ่งชี้ถึงการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีบรรจุภัณฑ์สินค้าเองในบางส่วนซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง สำหรับธุรกิจบริหารเดินรถโดยสารประจำทางและให้เช่า & บริการคลังสินค้าทำกำไรขั้นต้นได้ 3.5 ล้านบาท เทียบกับกำไร 2.5 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้ทำรายได้น้อยมาก คือเพียง 1.4% ของรายได้จากการดำเนินงานที่ไม่รวมรายได้อื่นๆ และบริษัทกำลังพิจารณาขายเงินลงทุนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 68 ล้านบาท (+65%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) แต่ถ้าไม่รายการพิเศษพบว่า Core Profit อยู่ที่ 68 ล้านบาท (+45%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน)
แนวโน้มยังไปได้ดีในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเมื่อแบรนด์เป็นที่รู้จักและมีช่องทางการจำหน่ายจำนวนมากขึ้นก็ช่วยให้ยอดขายและกำไรขยายตัวได้ดีขึ้น และผลประกอบการจะมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมทั้งบริษัทเองก็พัฒนาและนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วย บริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 150-200 รายการและอาจจะเพิ่มแบรนด์ใหม่อีก 1-2 แบรนด์เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดที่มีอยู่และเพิ่มโอกาสในการขยายส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้น สำหรับในต่างประเทศ ปัจจุบันมีสาขาของตนเองทั้งหมด 12 สาขา และขายสินค้าใน Modern Trade 3 ประเทศ (มาเลเซีย, กัมพูชา และลาว) บริษัทมีแผนขายจุดจำหน่ายใน Modern Trade ต่างประเทศมากขึ้นในปี 59 เช่น ร้านวัตสันในมาเลเซีย สิงคโปร์, ร้านการ์เดียนและอิออนในเวียดนาม, ร้านซิตี้มาร์ทในเมียนมาร์ เป็นต้น
บริษัทเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลกำไร โดยคาดว่าการตั้งสำรองด้อยค่าในสินทรัพย์จะไม่ได้เข้ามารบกวนผลประกอบการอย่างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ และเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 60 ประมาณการในเบื้องต้นว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 255 ล้านบาท (EPS : 0.39 บาท/หุ้น) เติบโต 21%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวได้ต่อ 25% ในปี 60 โดยมาจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อ โดยหากให้เป้าหมาย P/E เป้าหมายที่ 23 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ยของ EPS Growth ในปี 59-60) จะได้ราคาเป้าหมาย KAMART ปี 59 เท่ากับ 9 บาท และคาดการณ์ Dividend Yield ที่ 3%