บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุน WHAPFมูลค่ากว่า 150 ลบ. ผู้ลงทุนรับเงิน 29 มิ.ย.
บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลกองทุน WHAPF กว่า 150 ล้านบาท งวดผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.58 - 30 เม.ย.59 ในอัตรา 0.1650 บ. ผู้ลงทุนรอรับเงิน 29 มิ.ย.นี้ ขานรับการขยายตัวธุรกิจคลังสินค้า
นายเขมชาติ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2559 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนของวันที่ 15 มิถุนายน 2559 (XD Date) ในอัตรา 0.1650 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่าการจ่ายเงินปันผลกว่า 154.94 ล้านบาท โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวในวันที่ 29 มิถุนายน 2559
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน WHAPF ที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2553 เป็นต้นมา ซึ่งหากนับรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุน WHAPF มีการจ่ายเงินปันผลแล้ว 21 ครั้ง เป็นอัตรารวมทั้งสิ้น 3.7601 บาทต่อหน่วย โดยสามารถคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 7.01% ต่อปี
อย่างไรก็ตามสำหรับผลการดำเนินงานในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ส.ค. 2558 – 30 เม.ย. 2559) กองทุนยังคงมีรายได้อย่างสม่ำเสมอจากค่าเช่าของอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงานต่างๆ โดยในปัจจุบันกองทุน WHAPF ถือครองทรัพย์สินในโครงการรวมแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 โครงการ อาทิ โครงการคลังสินค้าKao 1 , Kao 2 และ Kao 3, โครงการอาคารคลังสินค้า DKSH จำนวน 7 โครงการซึ่งตั้งอยู่ที่บางพลี บางปะอิน และบริเวณถนนบางนา-ตราด ก.ม.20, โครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA Mega Logistics Center บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.19 และโครงการศูนย์กระจายสินค้า WHA Mega Logistics Center บริเวณ อ.พานทอง จ.ชลบุรี, โครงการ DSG 1, 2 และ 3 ในเขตประกอบการเหมราช จ.สระบุรี และยังมีโครงการโรงงานอีก 3 โครงการ คือ โครงการโรงงาน Primus และโครงการโรงงานDucati 1 และ 2 ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง
โดยแนวโน้มธุรกิจคลังสินค้าพรีเมี่ยมมีการขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2556-2558) มีการเติบโตของพื้นที่คลังสินค้าพรีเมี่ยมเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 37 ต่อปี โดย บลจ.กสิกรไทยมองว่าปี 2559 นี้ ธุรกิจคลังสินค้าพรีเมี่ยมยังคงมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากอานิสงส์ของของธุรกิจค้าปลีก และบริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขอ้างอิงจากศูนย์วิจัยของธนาคารกสิกรไทย
ทั้งนี้ ยังคาดว่าปีนี้ธุรกิจคลังสินค้าพรีเมี่ยมน่าจะเติบโตอยู่ในช่วงร้อยละ 9.9-12.6 หรือ มีมูลค่าประมาณ 12,200-12,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 50.5 ของมูลค่าตลาดคลังสินค้าทั้งหมด ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการลงทุน และจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กองทุนยังคงสามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะยาวได้