รวยเพิ่ม…โดยไม่ได้เจตนา??แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
จู่ๆ หุ้น “ลูกรัก” ของขาใหญ่หุ้นหลายๆ คน อย่างบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ก็มีอาการร่วงเป็นนกปีกหัก 5 วันทำการรวดในสัปดาห์ก่อน และยังมีอาการต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้อีกเล็กน้อย ด้วยข่าวลือกันให้แซ่ดว่า ผู้บริหารใหญ่อย่าง นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ซีอีโอสำคัญของบริษัท ขายหุ้นทิ้งไปนอนเกาหน้าแข้งเล่นแล้ว
จู่ๆ หุ้น “ลูกรัก” ของขาใหญ่หุ้นหลายๆ คน อย่างบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ก็มีอาการร่วงเป็นนกปีกหัก 5 วันทำการรวดในสัปดาห์ก่อน และยังมีอาการต่อเนื่องถึงสัปดาห์นี้อีกเล็กน้อย ด้วยข่าวลือกันให้แซ่ดว่า ผู้บริหารใหญ่อย่าง นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ซีอีโอสำคัญของบริษัท ขายหุ้นทิ้งไปนอนเกาหน้าแข้งเล่นแล้ว
จะบอกว่าข่าวลือดังกล่าวน่าหัวร่อก็ดูจะเกินไป..เจ้ากรมข่าวลือร่วมสมัยยามนี้ ไม่ได้เป็นเจ้าสำนักข่าว “โคมลอย” แต่มีหลักฐานมาประกอบข่าวลือ ด้วยคำแนะนำของนักวิเคราะห์จาก บล.ทิสโก้ ที่แปลกพิสดาร
นักวิเคราะห์ระบุว่า ในไตรมาส 2 ปีนี้ คาด PLANB จะมีกำไรลดลงเหลืออยู่ที่ 82 ล้านบาท ลดลง 37% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปีนี้ 36% 2Q16F อยู่ที่ 82 ล้านบาท จากการประเมินว่ารายได้ไตรมาส 2 จะอยู่ที่ระดับ 637 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14% และ จากไตรมาสก่อน 15%
รายได้ที่เพิ่มขึ้น แต่กำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ได้ถูกนักวิเคราะห์แจกแจงรายละเอียดว่ารายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการขยายสื่อใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นโดยมีอัตราการใช้สื่อโฆษณา (Utilization rate) ทุกสื่อรวมมากขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ คาดอยู่ที่ 67% จาก 60% เพราะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น..แต่ อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากต้นทุนคงที่จากการขยายสื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้นประกอบกับการรับรู้รายได้จาก Hello Bangkok ที่มีอัตรามาร์จิ้นต่ำ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่แค่ 30% จากเดิม 43%
นอกจากนั้น ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย ก็ยังทรงตัว คาดว่าจะอยู่ที่ 14% ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงอยู่ที่ 13% จาก 23% ของปีก่อน
ที่ชวนตลกชนิดขำไม่ออก ตรงที่ว่า แม้จะบอกว่ากำไรลด แต่นักวิเคราะห์ก็ยังยืนยันอีกว่า PLANB เป็นหุ้นน่าซื้อด้วยเหตุหลายประการ โดยเปลี่ยนคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท เพราะว่า 1) มีการขยายสื่อใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องให้ครบวงจรสื่อโฆษณานอกบ้านรวมถึงได้บริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฟุตบอล 2) แนวโน้มธุรกิจ Out of home media เติบโตต่อเนื่อง 3) ปรับประมาณการลงเพียงเพื่อให้สะท้อนต้นทุนคงที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสื่อใหม่ 4) คาดอัตรากำไรเติบโตเฉลี่ย 3 ปีละ 23% การบริหารลิขสิทธิ์ที่อาจมากกว่าที่คาด
คำชี้แนะแบบแทงกั๊กอย่างนี้..นักลงทุนควรจะทิ้ง หรือ ช้อน ดี
หากมองนอกกรอบนักวิเคราะห์แล้ว จะพบว่า กลยุทธ์ซื้อกิจการเพื่อเติบโตทางลัด หรือ inorganic growth ที่ชาญฉลาด…จากมันสมองและกึ๋นของเด็กหนุ่มไฟแรง 2 คน อย่าง นายปรินทร์ และ นายพินิจสรณ์ ลือชัยขจรพันธ์ กรรมการผู้จัดการ ทำให้ PLANB โตก้าวกระโดด ซีอีโอสำคัญที่มาพร้อมกับกลยุทธ์ที่เติบโตรวดเร็วด้วยเป้าหมายแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นความสำเร็จ โดยยอมแลกกับอัตรากำไรสุทธิที่อาจจะยังต่ำกว่าคู่แข่งที่ใหญ่กว่าอย่างค่าย VGI ต่อไป
กลยุทธ์ฉลาดโตของ PLANB และมองไปข้างหน้าที่ยาวไกลกว่าแค่รายไตรมาสที่อยู่ในแผนธุรกิจ มุ่งขยายความครอบคลุมของสื่อนอกที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของหัวเมืองต่างจังหวัด ทั้งสื่อภาพนิ่ง สื่อดิจิตอล และพัฒนาต่อยอดบริการ On WiFi บนรถประจำทาง รวมทั้งการขยายธุรกิจออกไปยังประเทศในกลุ่ม AEC จึงเป็นมุมมองที่ต่างขั้วกับของนักวิเคราะห์อย่างมาก
คำแนะนำให้ซื้อ เพียงแค่นักวิเคราะห์มองเห็นว่า “…ราคาลดลงมากเกินมูลค่าพื้นฐาน..” ถือว่าค่อนข้างบ้องตื้นเกิน
แล้วก็อย่าได้ประหลาดใจ เพราะท่ามกลางแรงเทขายของนักลงทุนอย่างตื่นตระหนก ผู้บริหารอย่าง ปรินทร์ และ พินิจสรณ์ จะพากันออกมาส่งสัญญาณ สยบข่าวลือ ด้วยการเข้าช้อนซื้อหุ้นเข้าพอร์ต
ไม่ต้องมาก เพราะเป็นแค่สัญลักษณ์ว่า ไม่มีการทิ้งบริษัทแน่นอน…ก็เพียงพอแล้ว
ปรินทร์ ทุ่มเงินซื้อหุ้นไปไม่มาก แค่ 1 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 5.05 บาท
ส่วน พินิจสรณ์ ใจป้ำกว่า จ่ายเงินตั้งรับซื้อหุ้นใต้ระดับ 5.00 บาท จนได้หุ้นเข้าพอร์ตส่วนตัวมามากถึง 5.0 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 4.98 บาท
หน้าไหนที่บอกว่าทั้งคู่จะทิ้งหุ้น…ลืมไปได้เลย เพราะตอนนี้ทั้งคู่มีหุ้นในมือมากกว่าเดิมก่อนราคาร่วงแรง
กลายเป็นหุ้นร่วงมาให้ช้อน…ช่วยไม่ได้จริงๆ …รวยเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้เจตนา
ปล่อยให้พวกขายหมูเจ็บใจตัวเองเสียเปล่าที่จ่ายค่าโง่…อีกแล้ว
อิ อิ อิ