พาราสาวะถี อรชุน
ออกข่าวอัดนปช.มาสองวันสำหรับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ตามมาด้วยตำรวจออกหมายเรียก 19 แกนนำนปช.ข้อหาขัดคำสั่งคสช.จากการชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป แต่ที่แปลกใจคือ คนนึกว่าเป็นผลมาจากความพยายามจะเปิดศูนย์ปราบโกงเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่ เป็นการไปเอาผิดย้อนหลังตั้งแต่คราวเป็นศูนย์ปราบโกงที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน
ออกข่าวอัดนปช.มาสองวันสำหรับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ตามมาด้วยตำรวจออกหมายเรียก 19 แกนนำนปช.ข้อหาขัดคำสั่งคสช.จากการชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป แต่ที่แปลกใจคือ คนนึกว่าเป็นผลมาจากความพยายามจะเปิดศูนย์ปราบโกงเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่ เป็นการไปเอาผิดย้อนหลังตั้งแต่คราวเป็นศูนย์ปราบโกงที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน
ตรงนี้เลยทำให้คนที่ถูกออกหมายเรียกงงเป็นไก่ตาแตก เพราะห้วงเวลาดังว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังยืนยันอย่างหนักแน่น อยากเปิดก็เปิดไปและมองเห็นเป็นอากาศธาตุ แต่พอวันที่ 19 มิถุนายนองค์รัฏฐาธิปัตย์ประกาศไม่ให้เปิดศูนย์ ก็มีหมายเรียกออกมาทันที คงไม่มีปัญหาสำหรับแกนนำเสื้อแดงเพราะคุ้นชินกับการถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่สังคมต้องเกิดคำถามก็คือ ทำไมความรู้สึกของผู้รักษากฎหมายถึงช้าเหลือเกิน หากออกหมายเรียกหลังจากวันที่ 5 เล็กน้อยยังพอจะอธิบายอะไรให้สังคมเชื่อได้บ้าง แต่พอทำอย่างนี้ มันมองอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเหนือจาก เล่นประเด็นนี้ให้เป็นเรื่องทางการเมือง และเชื่อขนมกินได้เลยว่า หลังจากนี้จะมีบางคนบางพวกไปยื่นร้องให้ถอนประกันแกนนำนปช.ที่มีคดีติดตัว
การเล่นเกมการเมืองนั้นมันต้องแสดงความเหนือชั้น ไม่ใช่ทำไม่เนียนอย่างที่เห็น ขณะเดียวกันท่าทีของมีชัย ตั้งแต่ไม่พอใจคนไปตั้งกล้องจับผิดครู ค ทั้งๆ ที่เหตุการณ์ยังไม่เกิด เพราะครู ค จะต้องลงพื้นที่ไปชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญต่อประชาชนแบบเคาะประตูบ้านในเดือนกรกฎาคมโน่น จึงมีคนอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่เป็นจินตนาการของประธานกรธ.หรือหวังผลอะไรหรือเปล่า
คล้อยหลังจากนั้นแค่วันเดียว มีชัยก็ไปเล่นบทออดอ้อนยกมือไหว้กลางที่ประชุมชี้แจงแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญต่อผู้บริหารกทม.และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนประชาชนกว่า 2,500 คน ขอร้องอย่าบิดเบือนเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ปุดโธ่!ก็เลือกเฟ้นกันมาอย่างดีแล้วก็มีการเป่ากระหม่อม เป่าหูกันถึงขนาดนี้มันจะผิดพลาดไปได้อย่างไร
ไม่เพียงเท่านั้นประธานกรธ.ยังเรียกร้องหัวใจที่เป็นธรรมจากกลุ่มนปช. โดยอ้างว่าขนาดเขียนร่างรัฐธรรมนูญเองยังไม่พูดให้รับสักคำ นี่ก็คำพูดบ้องตื้น ใครเชื่อตามนั้นไม่บ้าก็โง่แล้ว ที่ยกโขยงกันไปชี้แจงพร้อมวางแผนให้ประชาสัมพันธ์ผ่านครู ก ข ค นั้นถึงไม่บอกว่าให้รับมันก็เหมือนยัดเยียดให้คนเห็นด้วยอยู่แล้ว
เพราะกฎหมายประชามติไม่ได้เปิดช่องให้คนวิจารณ์ มิหนำซ้ำ ยังยกเอาโทษจำคุก 10 ปีมาขู่คนที่จะแสดงท่าทีไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอีกต่างหาก แล้วอย่างนี้ถามว่ามันเป็นธรรมแล้วอย่างนั้นหรือ แต่คงไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจากย้ำมาโดยตลอด คนที่รับใช้เผด็จการเขียนกฎหมายภายใต้การบงการของคณะรัฐประหารมาทั้งชีวิต ต่อให้ไปเรียนการแสดงชั้นสูงมาอย่างไรก็ตีบทบาทประชาธิปไตยไม่แตก
ส่วนเนติบริกรอีกรายยังคงใช้ท่วงทำนองรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางได้อย่างคงเส้นคงวา วิษณุ เครืองาม เลี่ยงที่จะตอบคำถามกรณีเลขาธิการยูเอ็น บัน คี มุน เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความเห็นในช่วงของการทำประชามติ เพราะรู้ดีว่าหากตอบไปทางหนึ่งทางใดอาจจะไม่ปลอดภัยต่อภาพลักษณ์ของตัวเอง
ต้องไม่ลืมว่า เรื่องนี้หลังการยกหูคุย บิ๊กตู่พูดไปแล้วว่าได้ชี้แจงเลขาฯยูเอ็นไปอย่างไร เช่นเดียวกันกับทางบัน คี มุนที่ทีมงานมีการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่าพูดอะไรกับผู้นำไทยไปบ้าง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เปลืองตัวหรือไปขัดแย้งกับคำพูดของผู้นำรัฐบาล จึงใส่เกียร์ว่างดีกว่า ทว่ากรณีดังกล่าวมีคนนำมาล้อว่า เลขาฯยูเอ็นเข้าใจประยุทธ์ แต่ประยุทธ์ไม่เข้าใจเลขาฯยูเอ็น
สมเป็นกับมือกฎหมายประจำรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าจะมีคนขำกับมุกของวิษณุหรือไม่ต่อกรณีการเรียกร้องค่าเสียหายในการจัดซื้อจีที 200 โดยสื่อต่างเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า นี่น่าจะเป็นค่าโง่รอบใหม่ แต่เนติบริกรกลับบอกว่า อย่าไปเรียกค่าโง่ให้ใช้คำว่าค่าซื้อความรู้ที่แพงไปหน่อย คงมีพวกกองเชียร์เท่านั้นที่จะหัวเราะกันได้
เรื่องนี้มันไม่ใช่ค่าซื้อความรู้ หากแต่เป็นความผิดพลาดหรือการตั้งใจโง่ของหน่วยงานที่จัดซื้อ เพราะของที่มีต้นทุนแค่ 700 บาท ราคาขายจากบริษัทผู้ผลิตที่ 1.7 แสนบาท แต่บางหน่วยงานของไทยจัดซื้อมาในราคาเครื่องละ 9 แสนบาท ราคาสูงขนาดนี้เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกและประสิทธิภาพในการใช้ ไม่มีกระบวนการตรวจสอบก่อนจัดซื้อจัดจ้างกันหน่อยหรือ
ยิ่งเจ็บปวดหนักเข้าไปอีก เมื่อได้ยินผู้มีอำนาจไปบอกว่าคนขายเขาโฆษณาสรรพคุณมาอย่างเลิศหรูอลังการ พร้อมกับหน่วยงานระดับล่างมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ จึงทำให้การจัดซื้อจัดจ้างต้องดำเนินการด้วยวิธิพิเศษ มันเล่นกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ สิ่งสำคัญคือ คนที่ลงนามสั่งซื้อยังมีอำนาจในรัฐบาลคสช. ถามหน่อยว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเม็ดเงินภาษีของประชาชนที่เสียไปหน่อยหรือ
มากไปกว่านั้นท่านผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดประกาศเป็นมั่นเหมาะจะเข้ามาเพื่อปราบโกงขจัดการคอร์รัปชั่น กรณีนี้น่าจะเป็นเคสต้นแบบ แต่การที่รีบออกตัวว่าเรื่องไม่ได้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนี้ ดูเหมือนจะเป็นการตัดช่องน้อยแต่พอตัวแบบน่าเกลียดไปนิด ถึงแม้จะไม่มีส่วนรู้เห็นแต่คนที่เซ็นจัดซื้อจัดจ้างนั้นอยู่ร่วมรัฐบาลนี้ อย่างน้อยก็ช่วยสอบและบอกให้คนคนนั้นมาแจกแจงให้ชัด จัดซื้อไปแบบชุ่ยๆ ได้อย่างไร
ย้อนไปตรวจอาการโมโหโกรธาของมีชัย ทำให้นึกได้ว่าทำไมพักนี้ผู้มีอำนาจของแม่น้ำ 5 สายถึงได้หงุดหงิดกันง่ายเสียเหลือเกิน เห็นแต่ละคนชอบยกเอาคำพระคำเจ้ามาสอนสั่งอยู่เป็นประจำ เลยนึกถึงคำพูดของพระพยอมที่ยกเอาคำสอนของพระพุทธองค์มาเตือนใจเรื่องหนึ่งว่า ความโง่เป็นอันตราย เห็นผิดเป็นมิจฉาทิฐิ เป็นศัตรูที่ร้ายกาจ
ท่านบอกศัตรูที่ร้ายกาจของมนุษย์ก็คือมิจฉาทิฐิ ถ้าเราไม่มีมิจฉาทิฐิ ไม่ไปยุ่งกับมัน มันก็ไม่สามารถมาทำอะไรเราได้ มันก็อยู่ของมัน เราก็อยู่ของเรา เท่านี้ก็มองเห็นภาพ หากคิดดี ทำดี นำเสนอของดีหมายถึงร่างรัฐธรรมนูญที่มีคุณภาพ ทำประชามติด้วยความโปร่งใสไร้กลเกมใดๆ ก็คงไม่ต้องมาอินังขังขอบต่อการเกิดขึ้นของศูนย์ปราบโกง พอไปยุ่งกับศูนย์ปราบโกงเลยทำให้คนมองได้ว่า หรือคิดจะโกง ยิ่งออกอาการยิ่งไม่น่าไว้วางใจ