บล.เคทีบีฯมองดัชนีสัปดาห์นี้ผันผวนสูงแนวรับ 1,350 จุด-ชู 3 หุ้นเด่นรับผลดี Brexit

บล.เคทีบีฯมองดัชนีสัปดาห์นี้ผันผวนสูงแนวรับ 1,350 จุด-ชู 3 หุ้นเด่นรับผลดี Brexit


นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) เปิดเผยว่า ผลของลงประชามติแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ที่ออกมานั้นเป็นการสวนทางกับผลสำรวจก่อนหน้า ซึ่งตลาดการลงทุนแทบไม่ได้เตรียมรับมือกับผลแบบนี้ จึงเกิดการขายตามมาในทันที แม้จะผ่านการรายงานผลประชามติไปเพียงหน่วยที่ 3 เท่านั้น

โดยในช่วงวันหยุดที่ผ่านมาการประชุมของธนาคารกลางหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง แทบไม่มีอะไรคืบหน้ามีเพียงแต่ขู่อังกฤษและเตรียมมาตรการเพื่อรับมือกับแรงขายในตลาดเงิน โดยหลัก ๆ จะเป็นผลกระทบจากเรื่องค่าเงิน จากการกู้ยืมดอลลาร์ระหว่างธนาคารกลาง (Swap Line) ซึ่งถ้าคุมตลาด FOREX ได้ จะมีผลไปถึงตลาดอื่นๆด้วย

ดังนั้นคงต้องรอให้มีการประชุมระดับผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในวันจันทร์ จากนี้ มาตรการต่างๆที่จะเข็นออกมาใช้ จะยับยั้งแรงขายและเพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้หรือไม่ หากสำเร็จ แรงขายสินทรัพย์ที่ถูกกระทบจาก Brexit จะเบาบางลง และมีรีบาวน์ให้เห็น ณ จุด ๆนี้ ดังนั้น จึงเป็นการมองได้ยากว่าการรีบาวน์ของตลาดหุ้น จะเกิดขึ้นในวันใด และยาวแค่ไหนขณะเดียวกันคาดว่าความผันผวน ความกลัว จะค่อย ๆ สงบลง ภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับมาตรการต่างๆที่จะมีการทยอยออกมาว่าได้ผลหรือไม่

ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบจากเรื่อง Brexit ค่อนข้างน้อยแต่จะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากเรื่องความผันผวนในตลาด ดังนั้น สำหรับคำแนะการลงทุนคือ ควรรอให้มีสัญญาณ ที่ระบุได้ชัดว่าสถานการณ์กำลังจะคลี่คลาย แต่ก็ควรเล่นสั้น ๆ เท่านั้น ไม่ใช่จังหวะที่ซื้อเก็บเพื่อถือยาว หุ้นขนาดใหญ่ ที่นักลงทุนต่าชาติถือไว้มาก เช่น ธนาคาร พลังงาน ยังเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อต่างชาติเทขาย โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เลวร้ายลง ดังนั้น ควรลดพอร์ตการลงทุนบ้างในช่วงนี้

ส่วนหุ้นที่น่าสนใจ โดยหุ้นที่คาดว่าน่าจะได้รับปัจจัยบวกจากเรื่องจาก Brexit  คือหุ้น CPALL,MC,KK และหุ้นในกลุ่มที่มีการจ่ายปันผลดี สำหรับดัชนีหุ้นในสัปดาห์นี้มองว่าจะผันผวนสูง มองกรอบดัชนีไว้ที่ 1,380 -1,440 จุด แต่หากมีขายรุนแรง แนวรับถัดไปจะเป็น 1,350 จุด

ด้านนายชาตรี โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นใน 1 สัปดาห์ข้างหน้าตลาดยังมีความกลัวในเรื่อง Brexit อยู่เพราะยังไม่รู้ว่าใครจะออกจากยูโรโซนตามอังกฤษอีกหรือไม่ จึงทำให้คนยังไม่มั่นใจ ดังนั้นสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นจะมีการเทขายทำกำไรในทั่วโลกไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างตราสารหนี้และทองคำ โดยเฉพาะเงินที่อยู่ในยุโรปจะโยกย้ายไปสู่ภูมิภาคไม่ได้ค่อยได้รับผลกระทบอย่างตลาดเกิดใหม่ในเอเชียรวมทั้งไทย

ทั้งนี้ มองว่าสหรัฐฯจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ไป โอกาสขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯน่าจะเป็นช่วงปีหน้าไปเลย ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีกธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) น่าจะออกมาตรการอัดฉีดเงินอีกเพื่อให้เงินเยนอ่อนค่าลงเพราะผลจาก Brexit  นั้นทำให้เงินเยนแข็งค่าและส่งผลประทบต่อบริษัทจดทะเบียน

ในส่วนของประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบจากการที่อังกฤษออกจากยูโรโซนไม่มากการส่งออกไปยุโรปมีสัดส่วนเพียง 1.5% เท่านั้น แต่ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากแรงเทขายจากต่างประเทศได้ ดังนั้น แนะนำว่าในช่วงนี้ควรชะลอการลงทุนในหุ้น และถือสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ทองคำ หุ้นกู้เอกชนระยะสั้น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีการจ่ายเงินปันผลดี

Back to top button