พ้นเทียร์ 3 ไม่พ้นตกต่ำทายท้าวิชามาร

รัฐบาลไทยส่งตัวแทนไปพบรองเลขาธิการ UN ชี้แจงแนวทางปฏิบัติต่อผู้แสดงความเห็นหรือทำกิจกรรมทางการเมืองในช่วงประชามติแล้วแถลงว่า UN ให้เกียรติประเทศไทยอย่างมากและยินดีรับฟังทุกฝ่าย


 ใบตองแห้ง

 

รัฐบาลไทยส่งตัวแทนไปพบรองเลขาธิการ UN ชี้แจงแนวทางปฏิบัติต่อผู้แสดงความเห็นหรือทำกิจกรรมทางการเมืองในช่วงประชามติแล้วแถลงว่า UN ให้เกียรติประเทศไทยอย่างมากและยินดีรับฟังทุกฝ่าย

 เขามีมารยาททางการทูตอยู่แล้วครับส่งคนไป เขาก็ต้องให้พบเขาไม่ไล่กลับหรอก เขาฟังแต่ไม่ใช่เขาเห็นด้วยกับการไล่จับประชาชนเพียงเพราะปล่อยลูกโป่ง “รณรงค์ไม่ผิด” รัฐบาลกลับพยายามพูดให้คนไทยเชื่อว่า UN เข้าใจรัฐบาลแล้วนะ 

ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมาการต่างประเทศของรัฐบาลไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าพยายามให้คนไทยเชื่อว่า “ต่างชาติเข้าใจไทย” ยอมรับรัฐประหาร ให้เกียรติผู้นำประเทศต่างๆ เชิญไปเยือนกระทั่งได้จับมือโอบามาฯลฯ แต่แล้วก็ลงเอยด้วยทูตสหรัฐอ่านแถลงการณ์สิทธิมนุษยชนต่อหน้ารัฐมนตรี ดอน ปรมัตถ์วินัย

 นี่พอข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนและโฆษกเลขา UN วิพากษ์วิจารณ์ว่าประชามติจำกัดเสรีภาพรัฐบาลก็ส่งคนไปเคลียร์อีกทั้งที่น่าจะรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเห็นด้วยก็ยังเปลืองคนเปลืองแรงไปชี้แจงแบบเดิมๆ

 ไม่น่าแปลกใจที่ไทยแพ้คาซัคสถานในการโหวตชิงเก้าอี้ UNSC สมาชิกไม่ถาวรคณะมนตรีความมั่นคงเปล่า ไทยไม่ได้ถูกปฏิเสธเพราะรัฐประหารคาซัคสถานถูกประณามว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำคาซัคสถานได้เปรียบในฐานะตัวแทนเอเชียกลางซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อนแถมเสนอประเด็นลดอาวุธนิวเคลียร์ในขณะที่ไทยไม่มีปมเด่นอะไรเลยถ้าเสนอตัวแก้ปัญหาทะเลจีนใต้ก็น่าจะได้เสียงมากกว่านี้แต่คงไม่อยากขัดใจจีนจึงปล่อยให้จีน รัสเซียหนุนคาซัคสถานจนชนะขาดลอย (แล้วยังจะซื้อเรือดำน้ำจีน 36,000 ล้านสร้างตอรถไฟ 3.5 กม.)

 รัฐประหารไม่เกี่ยวโดยตรงแต่เกี่ยวโดยอ้อมเพราะ 2 ปีที่ผ่านมากระทรวงต่างประเทศมัวทำหน้าที่ชี้แจงรัฐประหารและท่องคาถา “ต่างชาติเข้าใจ” จนเสียภาพลักษณ์เกียรติภูมิเครดิตที่สั่งสมมายาวนานในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ

 รัฐบาลตีปี๊บดีใจพ้นเทียร์ 3 สร้างความหวังว่าจะพ้น IUU ซึ่งอาจเป็นไปได้แต่อย่าหวังว่านี่คือการที่สหรัฐยุโรป จะยอมรับรัฐประหารและการละเมิดสิทธิมนุษยชน

 เทียร์ 3 หรือ IUU เป็นประเด็นเฉพาะซึ่งน่าจะเกิดจากความไม่ไว้วางใจรัฐบาลทหารด้วยซ้ำเพราะปัญหาประมง ค้ามนุษย์หมักหมมมานาน ทำไมประกาศคาดโทษหลังรัฐประหารฝรั่งคงเกรงว่ารัฐประหารปิดกั้นสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน องค์กรสิทธิมนุษยชนไม่สามารถตรวจสอบได้อาจทำให้ปัญหาประมง ค้ามนุษย์ย่ำแย่ลงไปอีกจนรัฐบาลพิสูจน์ให้เห็นความเอาจริงเอาจังด้วยการจับนายทหารดำเนินคดีใช้ ม.44 ย้ายผู้ว่าฯที่ตนเองตั้งรวมทั้งศาลยกฟ้องกองทัพเรือฟ้องนักข่าวถ้าไม่ปลดเทียร์ 3 ให้ก็น่าเกลียดเกินไปปีที่แล้วยังปลดให้มาเลย์ทั้งที่มีปัญหามากกว่าไทย

 เลิกคิดเสียทีเถอะว่าจะทำให้ต่างชาติยอมรับไม่ว่ารัฐบาล คสช.หรือการทำประชามติที่ใคร “ไม่รับ” ก็เสี่ยงถูกจับเครือข่ายสลัม 4 ภาคปล่อยลูกโป่งขออนุญาตตำรวจแล้วตามพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะแต่ตำรวจยังจับฐานขัดคำสั่งคสช.ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน 

แน่ละต่างชาติคงไม่บอยคอตต์ไม่ตัดความสัมพันธ์ก็ยังค้าขายกันภายใต้ข้อจำกัดเป็นเช่นนี้จนกว่าจะมีเลือกตั้งแต่มีเลือกตั้งแล้วไม่เป็นประชาธิปไตยสมมติได้นายกฯ ทหาร นายกฯคนนอก ภาพลักษณ์ประเทศไทยก็ยังตกต่ำอยู่ดีอาจต้องใช้เวลาอีก 20 ปีกว่าจะมีเกียรติภูมิเหมือนเดิม

Back to top button