(ฝรั่ง)อัพเกรดหุ้นไทย ลูบคมตลาดทุน
เมื่อปลายอาทิตย์ก่อนหน้านี้ เครดิต สวิส (Credit Suisse) ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย หรือจาก Underweight มาเป็น Overweight
ธนะชัย ณ นคร
เมื่อปลายอาทิตย์ก่อนหน้านี้ เครดิต สวิส (Credit Suisse) ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย หรือจาก Underweight มาเป็น Overweight
พร้อมปรับเป้าหมาย SET INDEX ขึ้นจาก 1,390 จุดเป็น 1,520 จุด
เหตุผลในการปรับครั้งนี้ เพราะเขามีมุมมองในเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์
พร้อมกับโฟกัสไปยัง 3 ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ คือ แบงก์กรุงเทพ (BBL) แบงก์กสิกรไทย (KBANK) และแบงก์ไทยพาณิชย์ หรือ SCB
นอกจากนั้น ก็ยังแนะนำหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อีกหลายตัว เช่น SPALI, AP และ LH
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ ก็เช่น CPALL, BTS และ STEC
เครดิต สวิส มองว่า คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ทั้ง 3 แห่ง ต่างมีคุณภาพขึ้น
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา ตลาดหรือนักลงทุนเองก็มีความกังวลเกี่ยวกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL มากจนเกินไปนั่นเอง
ล่าสุดวานนี้ UBS สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกบทวิเคราะห์ในส่วนของ Global Research ด้วยการอัพเกรดดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2559 ขึ้นเป็น 1,550 จุด
ดัชนีดังกล่าวมากกว่ามุมมองของ เครดิต สวิส เล็กน้อย
ปัจจัยนี้ น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่วานนี้ (6 ก.ค.) หุ้นไทยยืนอยู่ในแดนบวกได้อย่างแข็งแกร่ง และสวนกับทิศทางของตลาดหุ้นในเอเชีย ยกเว้นประเทศจีนที่บวกเช่นกัน
ในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) นั้น ตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% ครับ และเป็นอันดับ 1 ของโลก
ส่วนของประเทศไทย ดัชนีปรับตัวขึ้นมา 12.19% หรือมากเป็นอันดับ 2 ของโลก
มาดูเหตุผลของ UBS ที่ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกัน
เขามองว่าตั้งแต่ครึ่งแรกของปี 2559 อัตราดอกเบี้ยของไทยโดยอ้างอิงกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี พบว่ามีการปรับตัวลดลงจาก 2.5% มาอยู่ที่ 1.95%
UBS ได้พยายามอธิบายถึงความสัมพันธ์ที่ตรงกันข้ามระหว่าง “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล” กับ ค่า Price-to-Earning ของตลาด
ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้ Forward PE ของตลาดถูกปรับตัวสูงขึ้น
โดย SET INDEX Forward PE ปรับตัวขึ้นจาก 12.7 เท่า เป็น 14.7 เท่า
ขณะที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 11.70 เท่า
และในสัปดาห์นี้ ดัชนีปรับขึ้นมาชนเป้าหมาย 1,460 จุด
ทว่า ด้วยปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ ทาง UBS ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยขึ้น 6% เป็น 1,550 จุด
กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ได้รับประโยชน์มากสุด ยังคงเป็นการบริโภคภายในประเทศครับ
เหตุผลก็เพราะ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น และพลิกฟื้นจากจุดต่ำสุดในที่สุด
เรื่องนี้สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ของประเทศไทย อย่าง “กรภัทร วรเชษฐ์” จาสก บล.โนมูระ พัฒนสิน
เขาบอกว่า สาเหตุที่ทั้งเครดิต สวิส และ UBS อัพเกรดหุ้นไทย เพราะทิศทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะกลับมาฟื้นตัวจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
หนี้ครัวเรือนของประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ดีขึ้น ส่งผลให้เกิดการบริโภคมากขึ้น
สินค้าทางการเกษตรก็เริ่มกลับมาดีขึ้นตามลำดับ
และหากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีการประมูล และลงทุนมากกว่าขณะนี้ ก็จะยิ่งช่วยให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปอย่างแข็งแกร่งขึ้น
ทว่า ปัจจัยที่ต่างประเทศต่างจับตามองครับ
นั่นคือ การทำประชามติเพื่อที่จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในเดือนสิงหาคมนี้
หากผ่าน ก็แน่นอนว่า จะมีการเลือกตั้งในกลางปี 2560 ค่อนข้างแน่นอน ซึ่งก็จะยิ่งช่วยให้บรรยากาศเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทยดีขึ้นไปอีก
และอาจมีการปรับเพิ่มการลงทุนในลาดหุ้นไทยตามมา
แต่หากไม่ผ่านล่ะ?
ประเด็นนี้ ก็ต้องดูว่า อาจมีการนำรัฐธรรมนูญ ฉบับก่อนหน้านี้มาแก้ไขใหม่ แต่หากรัฐบาลยังคงโรดแมปเลือกตั้งไว้กลางปี 2560 ก็ยังถือว่าเป็นปัจจัยบวก
ย้อนกลับมาที่ UBS ครับ
หุ้นที่ UBS แนะนำ ได้แก่หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มบันเทิง
UBS มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน ในหุ้น BBL, BEC , CPALL, GLOW, PTT, QH, SCC และ SCB
และหุ้นที่คัดเลือก ให้เงินปันผลสูงถึง 3.8% หรือมากกว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีที่ 2.2% อยู่ถึง 2 เท่าด้วยนะ