แห่ซื้อเงินปอนด์ เกลี้ยงแบงก์ไทย!
นายกสมาคมค้าเงินชี้ความต้องการเงินปอนด์พุ่ง 20% หลัง Brexit ส่งผลต่อตลาดเงินทำให้ขาดแคลนหนัก มองราคาลงได้อีกเพราะเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการลงประชามติอังกฤษโหวตออกจากอียู หรือ Brexit ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในอนาคตของอังกฤษ ส่งผลให้ตลาดเงิน ตลาดทุนผันผวนรุนแรง ฉุดค่าเงินปอนด์ของอังกฤษร่วงลงต่อเนื่อง โดยปรับลดแล้วกว่า 10% ขณะที่นักลงทุนไทยกลับมองเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อเงินปอนด์ในราคาที่ถูกลงส่งผลให้เงินปอนด์ในประเทศไทยขาดแคลนอย่างมาก
นางสาวชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ ประธานกรรมการกลุ่ม บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ (40) และนายกสมาคมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (TAFEX) กล่าวว่า ความต้องการเงินปอนด์ในช่วงนี้ยังพุ่งต่อเนื่อง หลังจากที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงมาก ทำให้ผู้ปกครองที่ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษหรือผู้ที่มีธุรกรรมสกุลเงินปอนด์เข้ามาซื้อเงินปอนด์เก็บไว้ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% เมื่อเทียบช่วงปกติ
อย่างในขณะนี้ ธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราไม่ได้มีปัญหาเรื่องขาดสภาพคล่องเงินปอนด์ แต่ราคาอาจจะสูงผิดปกติไปบ้าง โดยระหว่างวันราคาเงินปอนด์ปรับขึ้นลงประมาณ 20 สตางค์ต่อวันจากปกติค่าเงินปอนด์ค่อนข้างนิ่ง
“ยืนยันว่าเงินปอนด์ในตลาดไม่มีขาด อาจจะหมดในระยะสั้น วันพรุ่งนี้ก็จะมีมาเติม แต่อัตราที่มีไม่ปกติ ขึ้นลงบ้างตามสภาพตลาด ในส่วนของทเวลฟ์ไม่มีปัญหาสภาพคล่องเงินปอนด์ขาด ลูกค้ายังสามารถซื้อได้ตามปกติ แต่เราขายแพงว่าแบงก์ เพราะติดต้นทุนที่แพง ซึ่งช่วงแรกหลัง Brexit สเปรดกว้างเพราะทุกคนตกใจ คนที่มีสต๊อกแพง ก็ทำใจขายยาก”
นางสาวธณัทร์ษริน สุสมาวัตนะกุล บริษัท ซุปเปอร์ริช (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ลูกค้าต้องการเก็บเงินปอนด์ค่อนข้างมาก หลังจากค่าเงินลงแรง เพื่อเตรียมไว้สำหรับส่งลูกเรียนหรือไปท่องเที่ยว แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าไร เพราะปริมาณเงินปอนด์มีไม่พอกับความต้องการ บริษัทก็ยังมีเงินปอนด์ไว้ขายอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ลูกค้ามีความต้องการมากขึ้น ขณะที่ปริมาณเงินปอนด์ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
“ลักษณะการซื้อขายยังเท่าเดิม เพราะปอนด์มีจำกัด ไม่มีซับพลาย ตอนนี้ราคาปอนด์ถูกก็จริง แต่คนที่มีอยู่ก็ไม่อยากขายออกมา เพราะต้นทุนแพง เช่นซื้อไว้ตอน 49 บาทต่อปอนด์ ตอนนี้ราคาลงมา 47 บาทต่อปอนด์ก็ทำใจไม่ได้ที่จะขาย ส่วนลูกค้าที่ไม่มีปอนด์ก็อยากซื้อ ดีมานด์-ซับพลายเลย ไม่ชนกัน ราคาเราก็สูงกว่าแบงก์เพราะซื้อมาแพง แนะนำว่าที่ไหนมีปอนด์ราคาดีให้ซื้อเลย”
ขณะที่การบริหารจัดการค่อนข้างท้าทาย เพราะหากรับซื้อปอนด์เข้ามาวันรุ่งขึ้น ราคาอาจปรับลดลงอีกก็เป็นได้ บริษัทต้องจับตาความเคลื่อนไหวของเงินปอนด์ให้มากกว่าเดิม เพราะไม่รู้จะเหวี่ยงจะไปทางไหน แต่มองว่าแนวโน้มเงินปอนด์ยังอ่อนค่าลงได้อีก เพราะเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มต้นหลังเบร็กซิทยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อีกมาก ความต้องการซื้อขายในตลาดขณะนี้อาจไม่ใช่ราคาจริง และลูกค้าที่ซื้อไว้เวลานี้อาจจะเป็นราคาที่แพงก็ได้ในอนาคต จึงแนะนำว่า หากยังไม่มีความต้องการใช้จริง ๆ ควรรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่งก็ได้
นายชิษณุชา ปิยะคณิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ริช อินเตอร์เนชั่นเนล เอ็กซ์เชนจ์ (1965) จำกัด กล่าวว่า ความต้องการเงินปอนด์มีค่อนข้างสูง เนื่องจากอ่อนตัวลงจนถูกสุดในรอบ 31ปี สภาพคล่องเงินปอนด์มีปัญหามากในขณะนี้ หาไม่ได้ในตลาด เข้าใจว่าจากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงมา ผู้ถือครองเงินปอนด์ก็ไม่อยากขายเงินปอน์ดออกมาแลกเป็นบาท เพราะขาดทุนเยอะ ส่วนผู้ที่มีความต้องการเงินปอนด์ เนื่องจากราคาถูกมากในขณะที่ก็ต้องการซื้อเงินปอนด์
ด้านนางสาวพรรณพร คงยิ่งยง รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ ยอมรับว่าในขณะนี้ธนาคารขาดสภาพคล่องเงินปอนด์ในระดับหนึ่งหลังจากที่ความต้องลูกค้ามีเข้ามาอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่ต้องการเงินปอนด์ทันที โดยธนาคารพยายามใช้สาขาสุวรรณภูมิเป็นหลักในการจัดสรรสภาพคล่องเงินปอนด์โดยลูกค้าที่เข้ามาซื้อขายเงินปอนด์ที่สนามบินเป็นแห่งเดียวที่ยังมีให้ลูกค้าแลกได้
ลูกค้าที่ไม่ได้มีความต้องการรีบใช้เงินปอนด์ในขณะนี้ แต่ต้องการเงินปอนด์เก็บไว้ใช้ในอนาคต หลังจากที่ราคาปรับลดลงมามาก ธนาคารพยายามแนะนำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ เข้ามาแลกเงินปอนด์และเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) ไปก่อน ซึ่งก็จะได้รับดอกเบี้ยตามสกุลเงินนั้น ๆ จนกว่าต้องการใช้เงินจริงค่อยมาถอนออกไปได้
นายสุธีร์ โล้วโสภณกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบริหารเงิน ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยกล่าวว่าปกติแล้วแบงก์จะไม่ได้สต็อกเงินปอนด์ไว้มากเหมือนเงินสกุลหลักเพราะส่วนต่างต้นทุนราคาซื้อขายไม่คุ้ม และช่วงนี้เงินปอนด์ขาเข้ามาแลกในตลาดมีไม่มาก ยิ่งทำให้เงินปอนด์ขาดตลาด ทำให้หลายแบงก์มีเงินปอนด์ไม่พอแลกให้กับลูกค้า
ส่วนธนาคาร ยอมรับว่า ตอนนี้เงินปอนด์ขาดตลาดเช่นกัน ธนาคารจะมีเพียงพอเฉพาะลูกค้าที่มาแลกจำนวน น้อยๆประมาณ 500-1,000 ปอนด์ต่อคนเท่านั้น แต่หากลูกค้าต้องการเงินปอนด์สูงถึง1-2ล้านปอนด์ สามารถแลกได้ แต่ต้องจองคิวรอประมาณ 2-3 วันเพราะธนาคารต้องไปสั่งซื้อเงินปอนด์จากต่างประเทศมาให้ หรือลูกค้าอาจต้องไปหาแลกซื้อกับแบงก์ใหญ่แทน แต่เท่าที่ทราบตอนนี้แต่ละธนาคารก็ประสบปัญหาเดียวกัน
นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ รองผู้อำนวยการ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย (ทีเอ็มบี) กล่าวว่า ช่วงนี้เงินปอนด์ถือว่าขาดแคลนอย่างมาก และเชื่อว่าน่าจะเป็นกันทุกแบงก์ เพราะปกติแล้วธนาคารพาณิชย์ไทยจะไม่ได้ซื้อหรือแลกเงินปอนด์มาเก็บเอาไว้ แต่เป็นลักษณะที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาขายเงินปอนด์ ถึงจะเก็บเอาไว้ แตกต่างจากเงินดอลลาร์ที่จะซื้อในตลาดเงินเพื่อมาเก็บเอาไว้รองรับความต้องการของลูกค้า ขณะที่ช่วงนี้ความต้องการจากลูกค้าชาวไทยมีจำนวนมาก อีกทั้งเป็นช่วงเปิดเทอมที่อังกฤษด้วย ทำให้ดีมานด์มีเข้ามาเยอะมาก
หากลูกค้าต้องการเงินปอนด์จริงๆ ก็สามารถสั่งไว้ได้ เพียงแต่จะยังไม่ได้ธนบัตรเงินปอนด์ในทันที โดยธนาคารจะไปหาซื้อในอินเตอร์แบงก์ให้อีกที แต่ก็มีทางเลือกอื่น คือ ลูกค้าสามารถซื้อเงินสกุลอื่น เช่น ดอลลาร์ หรือ ยูโร แล้วค่อยไปหาแลกเงินปอนด์ในต่างประเทศได้
สำหรับแนวโน้มเงินปอนด์นั้น เชื่อว่ามีโอกาสอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เพราะกรณี Brexit ยังคงสร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจอังกฤษปลายปีเงินปอนด์มีแนวโน้มอ่อนค่าแตะระดับ 1.2 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากปัจจุบันที่ 1.3 ดอลลาร์ต่อปอนด์ กรณีเงินบาทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 42 บาทต่อปอนด์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 47 บาทต่อปอนด์
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นภาวะชั่วคราว คล้ายกับช่วงที่ญี่ปุ่นเปิดให้คนไทยเดินทางไปได้โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งช่วงนั้นมีความต้องการเงินเยนจากประเทศไทยจำนวนมาก แต่สถานการณ์ในครั้งนี้ เป็นภาวะที่เกิดจากเงินปอนด์อ่อนค่าลงเร็ว จึงจูงใจให้ประชาชนหันมาซื้อเก็บไว้
อย่างไรก็ตาม การแลกเงินปอนด์ไม่จำเป็นต้องแลกเป็นธนบัตรอย่างเดียว แต่สามารถซื้อเป็นเช็คเดินทาง (Traveller’s Cheque) หรือโอนทางบัญชีไปให้บุตรหลานที่ศึกษาอยู่ต่างประเทศ หรือแม้แต่การเปิดบัญชีเงินฝากสกุลต่างประเทศ (เอฟซีดี) ในรูปเงินปอนด์ในไทย ซึ่งธปท.อนุญาตให้คนไทยเปิดเอฟซีดี โดยยังไม่มีภาระเป็น underlying ได้ถึง 5 ล้านดอลลาร์ อยู่แล้ว
“ช่วงนี้อาจเป็นฤดูกาลที่จะส่งเงินให้บุตรหลานไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษเพราะใกล้ช่วงเปิดเทอม จึงน่าจะเป็นปัจจัยชั่วคราว ไม่ใช่การเก็งกำไร ซึ่งเราอยากให้ใช้กลไกการโอนเงินทางบัญชี มากกว่าการซื้อเก็บเป็นธนบัตรเก็บไว้ เพราะธนบัตรมีต้นทุนในการขนส่ง”