โอกาส ใน วิกฤตแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ราคาหุ้นถ่านหินพากันพุ่งแรงหลายบริษัทในสองวันมานี้จากข่าวว่าจีนกำลังสั่งการให้ปิดเหมือนถ่านหินหลายแห่งในจีนลง เพื่อควบคุมปัญหามลพิษทางอากาศ
ราคาหุ้นถ่านหินพากันพุ่งแรงหลายบริษัทในสองวันมานี้จากข่าวว่าจีนกำลังสั่งการให้ปิดเหมือนถ่านหินหลายแห่งในจีนลง เพื่อควบคุมปัญหามลพิษทางอากาศ
ทางการจีนสั่งลดกำลังการผลิตถ่านหินลงนับแต่เมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา โดยไม่อนุมัติโครงการเหมืองถ่านหินใหม่เป็นเวลา 3 ปี และปิดตัวเหมืองถ่านหินกว่า 1,000 แห่ง เป็นผลให้สต๊อกถ่านหินในประเทศลดลงไป 4.2% เทียบสัปดาห์ก่อนหน้า และ Inventory day ลดลงเหลือ 18 วัน ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าปกติ (อุปสงค์ไม่ได้เพิ่มแต่อุปทานลดส่งผลให้ราคาขึ้น)แม้ว่าราคาตลาดโลกจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญว่าจะเป็นขาขึ้น
ราคาหุ้นของ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ก็ได้รับอานิสงส์ไปกับเขาด้วย แม้ว่าจะไม่มากนักแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เพราะราคาหุ้นตัวนี้ ร่วงแบบซึมยาวมานานพอสมควร
นักวิเคราะห์ของบล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุในบทวิเคราะห์แบบเสือปืนไวว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น EARTH โดยให้ราคาเป้าหมาย6.40 บาท เลยทีเดียว
จึงไม่แปลกที่แรงเชียร์แขก…ทำให้ราคาหุ้น EARTH ปิดตลาดวานนี้ (6 ก.ค.) ที่ 5.15 บาท บวก 0.41 บาท หรือ 8.65% โดยราคาปิดที่ระดับสูงสุดในรอบวัน ขณะที่ระดับต่ำสุดอยู่ที่ 4.74 บาท มูลค่าซื้อขาย 309.21 ล้านบาท ถือว่าคึกคักมากเป็นพิเศษ
งานนี้ บอสใหญ่อย่างนายขจรพงศ์ คำดี ในฐานะประธานกรรมการบริหาร EARTH ออกมาบอกว่า ในส่วนของการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซียเข้าไปยังจีนของบริษัทนั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยอะไรเลย เพราะทางการจีนก็ยังไม่ได้มีการให้นำเข้าทดแทนผลผลิตในประเทศ ซึ่งข่าวที่ออกไปอาจจะทำให้เข้าใจแบบ “เหมาโหล” มากเกิน
ขจรพงศ์ ระบุว่า สำหรับ EARTH ซึ่งไม่ได้รับประโยชน์มากนักจากการส่งออกถ่านหินจากอินโดนีเซียเข้าไปในจีน กลับกลายเป็นโอกาสใหม่ของธุรกิจบริษัท
ข่าวดีที่ว่าคือ บริษัทลูกของ EARTH ที่เคยรับหน้าที่เป็นตัวแทนการค้าในจีนแทนบริษัทแม่ ที่ชื่อGuangdong Energy กลับได้รับประโยชน์ เพราะได้รับบทบาทใหม่ในยามที่ถ่านหินในจีนขาดแคลน ด้วยการทำตัวเป็นบริษัทรวบรวมสินค้า (collecting) เพื่อจัดหาหรือนำถ่านหินจากเหมืองที่มีอยู่ในจีนทั้งหมด ไปป้อนลูกค้าที่ต้องการใช้ถ่านหินทำการผลิตทั่วจีน
กลายเป็นโอกาสที่เกิดขึ้น ท่ามกลางวิกฤตอย่างแท้จริง
Guangdong Energy จึงเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของ EARTH โดยปริยายในปีนี้
ขจรพงศ์ ระบุว่า การแปรสภาพธุรกิจที่เกิดขึ้น ทำให้ตอนนี้ธุรกิจหลักของ EARTH กลายเป็น 4 ขากลยุทธ์ไปแล้ว คือ 1)ธุรกิจถ่านหินระหว่างประเทศ 2) ธุรกิจทำเหมืองถ่านหิน 3) ธุรกิจให้บริการค้าปลีกถ่านหินแก่ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม 4) ธุรกิจรวบรวมถ่านหิน
กลยุทธ์ 4 ขานี้ ทำให้ธุรกิจยืดหยุ่น เพราะธุรกจิทั้ง 4 ด้านย่อมมีช่วงแย่และช่วงดีสลับกัน อย่างไหนแย่ก็หาอย่างอื่นมาเสริมทดแทนรายได้และกำไร
ที่ผ่านมา บทบาทในการรวบรวมถ่านหินของ Guangdong Energy ยังถือว่าน้อยประมาณ 2-3 พันล้านบาท แต่ปีนี้ ถือว่าเป็นขาขึ้น เพราะคาดว่าจะมีถ่านหินผ่านมือในจีนมากถึง 4-6 พันล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
การเติบโตรวดเร็วของบริษัทในจีนทำให้เกิดปัญหาเรื่องทุนเพราะเดิมมีทุนจดทะเบียนเพียงแค่ 150 ล้านบาทเท่านั้น จะมีการค้ารวบรวมถ่านหิน ก็ต้องมีแหล่งเงิน ซึ่งขณะนี้ EARTH ได้รับการทาบทามจากธนาคารกสิการไทยหรือ KBANK เพื่อเข้าไปทำการตรวจสอบรายละเอียดว่าจะให้สินเชื่อมามากน้อยเท่าใด
ก้าวย่างนี้เป็นทิศทางใหม่เพราะว่า เดิมทีนั้น EARTH สนิทสนมกับธนาคารอย่าง KTB มากกว่า การย้ายแหล่งผู้สนับสนุนทางการเงินใหม่ก็เป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา
ในกรณี KBANK เห็นว่า ข้อจำกัดเรื่องทุนของ Guangdong Energy ก็อาจจะมีการเพิ่มทุนที่บริษัทดังกล่าวเพื่อให้กู้เงินได้มากขึ้น …นั่นก็หมายความว่า EARTH จะไม่เพิ่มทุนอีกต่อไป
พูดมาถึงตรงนี้ ผู้ถือหุ้น EARTH หลายคนคงโล่งอกไปตามๆ กัน กลัวเหลือเกินว่าเสี่ยขจรพงศ์ จะเห็นนักลงทุนเป็นตู้ ATM ….นึกจะกดก็กด … เอาเงินจากกระเป๋าไปเติมให้บริษัท
นักลงทุนขี้คร้านจะจำกันแล้วว่า EARTH นี้เพิ่มทุนไปแล้วกี่ครั้ง…เอาเป็นว่าปีไหนไม่เพิ่มทุน ปีนั้นประหลาดพิลึก
เพิ่มทุนไปทีไร ราคาหุ้น EARTH ขาเป๋ทุกครั้ง ไม่มีเว้น
ครั้งนี้ ก็ถือเป็นข่าวดีแห่งปีก็ว่าได้…
อิ อิ อิ