5 หุ้นร้อนครึ่งปีแรกรีเทิร์นพุ่งปรี๊ดทะลุ 100%

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ปรับขึ้นแรงเกิน 100% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (30 ธ.ค.58-31 มิ.ย.59) พบว่ามีหุ้นที่น่าสนใจจำนวนทั้งสิ้น 5 บจ.


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ที่ปรับขึ้นแรงเกิน 100% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (30 ธ.ค.58-31 มิ.ย.59) พบว่ามีหุ้นที่น่าสนใจจำนวนทั้งสิ้น 5 บจ. ดังต่อไปนี้ สำหรับหุ้นที่มีการปรับขึ้นแรงเกิน 100% ได้แก่  THAI, BIG, BAT-3K, TKN และ BWG

ตารางหุ้น 6 เดือนแรกที่ปรับตัวขึ้นเกิน 100%

หลักทรัพย์ 30-Jun-59 30-Dec-58 เปลี่ยนแปลง
บาท %
THAI 24.10 9.20 14.90 161.96
BIG 3.94 1.55 2.39 154.19
BAT-3K 177.00 71.25 105.75 148.42
TKN 17.30 8.55 8.75 102.34
BWG 2.42 1.21 1.21 100.00

 

อันดับ 1 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ราคาหุ้น 6 เดือนแรกปรับขึ้น 14.90 บาท หรือ 161%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” THAI ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท ทั้งนี้ในไตรมาส 2/59 จะเป็น Low Season ที่ดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยปกติแล้วไตรมาส 2 เป็นช่วงเวลาที่บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ เนื่องจากเป็น Low Season ของธุรกิจ แต่ในไตรมาส 2 ปีนี้คาดว่าจะขาดทุนน้อยกว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนดำเนินงานที่ลดลงหลังผ่านการปรับโครงสร้างภายในมาแล้วในระดับหนึ่ง มีการปิดเส้นทางการบินที่ไม่ทำกำไร และที่สำคัญคือต้นทุนน้ำมัน Jet ที่ใช้ต่ำลงจากปีก่อน

รวมทั้งในไตรมาส 2 ปีนี้จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาช่วยหนุนด้วย เนื่องจากบริษัทมีหนี้สินที่อยู่ในรูปยูโรสูงที่ประมาณ 40% ซึ่งค่าเงินบาทระดับปิดสิ้นไตรมาส 2/59 แข็งขึ้น 0.94 บาท/ยูโร ทำให้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรที่ยังไม่รับรู้จากอัตราแลกเปลี่ยนราว 1.4 พันล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/59 จะยังไม่ดีนักเพราะเป็นฤดูฝนและอยู่ในช่วง Low Season แต่จะพลิกฟื้นเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติได้ในไตรมาส 4/59 แต่คาดว่าจะไม่มากเท่ากับ Core Profit ในไตรมาส 1/59 ที่สุงถึง 7 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในปี 59 นี้บริษัทจะมี Core Profit ที่เป็นบวกได้อย่างน้อย 9-10 พันล้านบาท ถือเป็นการ Turnaround ที่ชัดเจน

 

อันดับ 2 บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ราคาหุ้น 6 เดือนแรกปรับขึ้น 2.39 บาท หรือ 154%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” BIG ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท โดยมองว่ากำไรไตรมาส 2/59 จะยังแข็งแกร่งเติบโตถึง 109% และอาจแตะ 180 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 154% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน)

ขณะที่บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.18 บาท โดยมองว่ามี upside จากการเติบโตที่ร้อนแรงเกินคาดของตลาดกล้องที่คาดไว้ก่อนหน้าที่ระดับ 7%  จากปีก่อนทำให้ปีนี้จึงน่าจะมีโอกาสขยายตัวได้ นอกจากนี้ มองผลประกอบการไตรมาส 2/59 ยังคงแข็งแกร่ง แม้อยู่ในช่วง Low Season ด้าน Dividend Yield น่าพอใจ 3.6% และยังมีมุมมองเชิงบวก ยังคงไปได้ต่ออย่างน้อย 2 ปี

 

อันดับ 3 บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ  BAT-3K  ราคาหุ้น 6 เดือนแรกปรับขึ้น 105.75 บาท หรือ 148%

แหล่งข่าวจากวงการแบตเตอรี่ เปิดเผยว่า BAT-3K มีแนวโน้มได้รับผลดีจากโครงการรถคันแรก โดยเฉพาะกลุ่มอีโคคาร์ ซึ่งถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เนื่องจากแบตเตอรี่มีอายุแค่ 18-24 เดือน โดยคาดว่ารถยนต์จากโครงการรถคันแรกเหล่านี้จะมาทยอยเปลี่ยนแบตเตอรี่กันในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ตรงนี้อาจจะเป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยหนุนยอดขายแบตเตอรี่ได้

 

อันดับ 4 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ราคาหุ้น 6 เดือนแรกปรับขึ้น 8.75 บาท หรือ 102%

บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” TKN ราคาเป้าหมาย 20.00 บาท เนื่องจากบริษัทเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในตลาดสาหร่ายทะเลทอดกรอบภายในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 67% และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูงที่ 33% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 20% ฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทจะมีการเติบโตด้านกำไรที่แข็งแกร่ง 66% ในปี 59 และอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในกรอบ 3 ปีที่ 34% โดยมีแรงหนุนมาจาก 1) การเติบโตด้านการส่งออกที่สูง ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตด้านการส่งออกไปจีนที่เลขสามหลัก 2) โรงงานใหม่ที่จะเพิ่มกำลังผลิตขึ้นเท่าตัว และ 3) การขยายตัวด้านอัตรากำไรเป็น 38% ภายในปี 61

 

อันดับ 5 บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ราคาหุ้น 6 เดือนแรกปรับขึ้น 1.21 บาท หรือ 100%

บล. อาร์เอชบี แนะนำ “ซื้อ” BWG ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท หลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/59 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 84.28 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมองว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังของปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด และแข็งแกร่งขึ้นจากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าขยะ 9MW ในไตรมาส 3 ธุรกิจจัดการขยะยังคงมีผลประกอบการที่ดีจากมาตรการควบคุมภาครัฐฯที่รัดกุม

 

การที่ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากมีประเด็นบวกจากความคาดหวังต่อแนวโน้มธุรกิจและผลประกอบการที่ดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาพื้นฐานและความเสี่ยงของหุ้นก่อนลงทุน พร้อมระมัดระวังในการเข้าเก็งกำไรในกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากราคาปรับขึ้นมามากตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้อัพไซด์จากราคาเป้าหมายเริ่มจำกัด

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button