หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับคาดการณ์แบงก์ชาติทั่วโลกกระตุ้นศก.
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางของประเทศชั้นนำทั่วโลกอาจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น รวมถึงธนาคารกลางจีนและอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงขานรับตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 1.6% ปิด (11 ก.ค.) ที่ 332.72 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย., ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,264.53 จุด เพิ่มขึ้น 73.85 จุด หรือ +1.76%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,833.41 จุด พุ่งขึ้น 203.75 จุด หรือ +2.12% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,682.86 จุด เพิ่มขึ้น 92.22 จุด หรือ +1.40%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางในหลายประเทศจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งจะประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับผลกระทบของ Brexit
ขณะเดียวกันคาดว่า ทางการญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศณษฐกิจต่อไป หลังจากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ชนะการเลือกตั้งวุฒิสภาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจะปูทางให้รัฐบาลของนายอาเบะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลังได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนชะลอตัวลง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยับขึ้นเพียง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ค.ที่ขยายตัว 2% และเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 2.3%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 287,000 ตำแหน่ง จากระดับ 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. โดยตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่ง
หุ้น Thyssenkrupp ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 6.4% ส่วนหุ้นธนาคารของอิตาลีปรับตัวผันผวน โดยหุ้น Banca Monte dei Paschi di Siena พุ่งขึ้น 6.9% แต่หุ้นยูนิเครดิตร่วงลง 2.9%