เคาะ 17 หุ้นเด็ด เก็งกำไร-ซื้อลงทุนSET ขึ้นต่อรับ Fund Flow ไหลเข้า

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนตามทิศทางตลาดโลก อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสขึ้นต่อตาม Fund Flow ที่ยังไหลเข้า การลงทุนเน้นกลุ่มที่ยังปรับขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) และเก็งกำไรหลุ่มที่คาดว่าจะประกาศงบ Q2/59 ออกมาดี


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.13 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากเงินเยนที่อ่อนค่าลง รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าญี่ปุ่นจะเดินหน้าใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หลังพรรครัฐบาลสามารถชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยผันผวนตามทิศทางตลาดโลก อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสขึ้นต่อตาม Fund Flow ที่ยังไหลเข้า การลงทุนเน้นกลุ่มที่ยังปรับขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) และเก็งกำไรหลุ่มที่คาดว่าจะประกาศงบ Q2/59 ออกมาดี

หุ้นเด่นเลือก ADVANC-INTUCH-THANI-DIF-JASIF-CK-BEAUTY-KAMART-CPALL-RS-STEC-AMATA-KCM-SAMCO-TCAP-SCC และ IVL

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.) ว่า SET มีแนวโน้มปรับสูงขึ้นต่อไปที่ 1,480 หรือ 1,520 จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก ทั้ง 1) “Liquidity Driven” หรือ พฤติกรรม Search for yield หรือการที่กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เนื่องจากดอกเบี้ยที่ต่ำทั่วโลก และยังจะต่ำต่อไปอีกนาน 2) “Earnings Driven” หรือการปรับประมาณการกำไร และเป้าหมายพื้นฐานของนักวิเคราะห์สูงขึ้น ซึ่งล่าสุด Revision Ratio ทำจุดสูงสุดใหม่ของรอบปีในสัปดาห์ที่แล้ว 3) “Political Driven” คาดว่าการทำประชามติวันที่ 7 ส.ค.จะผ่านไปได้ เปิดทางเลือกตั้งปลายปี 60 หนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าต่อ

แนะนำลงทุนใน 1) Yield Plays: “ซื้อ” ADVANC ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 190.00 บาท ขณะที่ถ้าอิง Dividend Yield ที่ 6% มีโอกาสขึ้นไปได้ถึง 200.00 บาท ขณะที่แนวต้านระยะสั้นทางเทคนิคที่ 174.00-175.00 บาท รวมถึง INTUCH (แนวต้าน 59.50), THANI, DIF และ JASIF และ 2) Infrastructure +Consumption Plays : “ซื้อ” CK, BEAUTY และ “เก็งกำไร” KAMART (แนวต้าน 12.30), CPALL, และ RS

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.) คาด SET ผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคและมีโอกาสขึ้นต่อตามโมเมนตัมเชิงบวกของ Fund Flow ที่ยังไหลเข้า ประกอบกับในวันนี้จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีคาดที่ประชุมอาจจะหารือเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติมและอาจจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ซึ่งจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมา วัสดุก่อสร้างและหุ้นที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ส่วนหุ้นกลุ่มหลัก กลุ่มธนาคารคาดจะยังปรับตัวขึ้นต่อจากกระแสเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/59 ที่คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาสก่อน สะท้อนผลประกอบการของกลุ่มผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ส่วนกลุ่มพลังงานคาดว่าจะยังทรงตัวหรือมีโอกาสลดลงเนื่องจากยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ด้วยดัชนีที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงประกอบกับในวันพรุ่งนี้จีนจะมีการประกาศตัวเลข ส่งออก/นำเข้าเดือนมิ.ย.ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะยังติดลบต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้สูงที่นักลงทุนจะเทขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงกดดันให้ดัชนีในวันนี้อาจจะปรับขึ้นได้ไม่มาก

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective BUY เน้นหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าของ Search for yield หรือกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ราคายัง Laggard (ICT, Construction และ Auto) เป็นกลุ่มที่ PE และ PBV ยังอยู่ในระดับต่ำ (กลุ่มธนาคาร) หรือเป็นกลุ่มที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง Property fund, Infrastructure fund, JASIF และ DIF 

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : TCAP (ซื้อ/เป้า 44) มี PE, PBV ต่ำสุดของกลุ่ม และเป็นเพียงธนาคารเดียวที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ”

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.) ว่า SET วันนี้ยังบวกต่อ ฟันด์โฟลว์มีแนวโน้มเข้าตลาดหุ้นเอเชียต่ออีก โดยได้แรงหนุนจากมุมมองว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และคาดว่ามาตรการกระตุ้นทางการเงิน/การคลังจากทั่วโลก คาดฟันด์โฟลว์น่าจะยังหนุนหุ้นธนาคารและหุ้น Domestic plays กลุ่มอื่นๆ ต่อ มองเป้า SET เดือนนี้ที่ 1,500 จุด

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.) ว่า SET วันนี้จะเห็นการสลับกลุ่มเล่นไปยังหุ้นที่ยังปรับขึ้นช้ากว่าตลาดต่อ โดยหุ้นในมีโอกาสถูกเก็งกำไรขึ้นมาประกอบไปด้วย BDMS-BA-IVL-PTTGC-SCC-THCOM และ TOP วันนี้ให้แนวรับที่ 1,460-1,463 จุดและแนวต้านที่ 1,475-1,480 จุด โดยหุ้นที่แนะนำให้เก็งกำไรในวันนี้คือ SCC และ IVL

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน ดัชนี SET ยังได้แรงหนุนจากทิศทางนโยบายการเงินผ่อนคลายทั่วโลก วางจุด Trailer Stop Loss ที่แนวรับ 1,450 จุด โดยแนวต้านที่ 1,480 จุด ระยะสั้นแนะนำซื้อ STEC (Consensus 26.00 บาท) และเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค เช่น AMATA, KCM และ SAMCO

Back to top button