จบได้ก็ดี! BEM ได้เดินรถบางซื่อ-เตาปูน

จบได้ก็ดี! BEM ได้เดินรถบางซื่อ-เตาปูน


นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ รฟม.วันนี้ได้มีมติจ้าง บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ด้วยวิธีพิเศษ โดยทำสัญญาชั่วคราวในการจ้างเดินรถและติดตั้งระบบรวมทั้งระบบอาณัติสัญญาณ 1 สถานี ระหว่างสถานีเตาปูน-สถานีบางซื่อ ระหว่างที่การเจรจาสัญญาเดินรถส่วนต่อขยายยังไม่ได้ข้อสรุป

“ต้องการให้เดินรถได้ก่อน หากรอการเจรจาก็คงล่าช้าออกไปอีก 2-3 เดือน โดยจากนี้จะนำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาและเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อเห็นชอบต่อไป”นายพีระยุทธ กล่าว  

ทั้งนี้ รฟม.คาดว่า BEM จะเริ่มเข้าทำงานในพื้นที่ได้ภายในเดือน ก.ย. 59 และจะเตรียมการแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.60 ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 6-7 เดือน จากเดิมที่คาดว่าจะใช้เวลา 12-15 เดือนในการติดตั้งระบบและเดินรถ 1 สถานี

ส่วนการเจรจาตรงกับ BEM เพื่อเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ตามที่ ม.44 ได้ให้คณะกรรมการรฟม.พิจารณานั้น ในวันนี้ คณะกรรมการ รฟม.มีมติเห็นชอบกรอบการแบ่งปันผลประโยชน์ให้เท่ากับสัญญาการเดินรถสายสีน้ำเงิน หรือสายเฉลิมรัชมลคล ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ

ทั้งนี้ มติของคณะกรรมการ รฟม.วันนี้จะนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคม และจากนั้นจะให้คณะกรรมการมาตรา 35 ของพ.รบ.ร่วมทุนฯ เจรจากับ BEM ต่อไป โดยหากมีการเจรจาเรียบร้อยแล้วจะยกเลิกสัญญาชั่วคราวในเการเดินรถ 1 สถานีดังกล่าวมารวมกับสัญญาเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย

อย่างไรก็ดี บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(2 ส.ค.59) ว่า  BEM (ขาย 8.40 บาท พื้นฐาน 7.30 บาท -13.10%) เริ่มต้นคำแนะนำ”ขาย”สำหรับ BEM ที่ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท ถึงแม้ว่าเรามอง BEM จะเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการเร่งผลักดันโครงการรถไฟฟ้าของรัฐบาล แต่ราคาหุ้นที่ขึ้นมากว่า 50% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET ที่ 9% ได้สะท้อนข่าวดีไปหมดแล้ว

อีกทั้งราคาปัจจุบันยังมี Downside อยู่ 13% มองว่า BEM ซื้อขายที่ PER 40.8x ในปี 2559 คิดเป็นกว่า +2SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง และไม่เหมาะสมเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตทบต้นของกำไรสุทธิในปี 59-61 ที่ 22% คิดเป็น PEG สูงถึง 1.9x

นอกจากนี้มองว่าราคาเป้าหมายมีส่วนเพิ่มที่จำกัดแล้ว เนื่องจากได้รวมมูลค่าของรถไฟฟ้าที่ BEM มีโอกาสชนะเข้าไว้หมดแล้ว และโครงการทางด่วนในอนาคตน่าจะยังไม่มีออกมาในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้มองว่ากำไรสุทธิของ BEM อาจสูงเกินจริงเนื่องจากบริษัทฯได้บันทึกค่าสัมปทานคงที่ที่จ่ายให้ รฟม. เพียง 40% ของจำนวนทั้งหมด ซึ่งหาก BEM บันทึกทั้ง 100% จะทำให้กำไรสุทธิลดลง 12-15% ในปี 2559-61 จากประมาณการ และ PER จะเพิ่มขึ้นเป็น 48 เท่าในปี 59 

Back to top button