PTG เตรียมส่ง “อาม่า มารีน” เข้าเทรด mai ระดมทุนเพิ่มกองเรือบรรทุก
“อาม่า มารีน” หรือ AMA ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางทะเลและทางบก ในเครือ PTG เล็งระดมทุนเข้าเทรด mai โดยมี บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน หวังเพิ่มกองเรือบรรทุกรองรับตลาดขยายตัว
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาม่า มารีน จำกัด (มหาขน) หรือ AMA ในกลุ่ม บริษัทพีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนในการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยแต่งตั้งบริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และได้ดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้บริษัทเตรียมที่จะเพิ่มกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด โดยเน้นเส้นทางเมียนมาร์ จีน และอินเดียเป็นหลักเนื่องจาก อินเดีย และจีน เป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันพืชอันดับ 1และ 2 ของโลก โดยเมื่อปี 59 บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี อีก 1 ลำที่มีน้ำหนักบรรทุก 9,942 เมตริกตันเพื่อนำมาให้บริการในเส้นทางเมียนมาร์เป็นหลัก ซึ่งมีความต้องการในการขนส่งน้ำมันปาล์มทางเรือเพิ่มขึ้น
โดยการขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีของบริษัทเกิดจากผู้เช่าเรือหลักของบริษัทมีความต้องการที่จะเพิ่มปริมาณการขนส่งในเส้นทางเดิมตามปริมาณการนำเข้าที่สูงขึ้นและเพิ่มเส้นทางใหม่เพื่อขยายเส้นทางให้บริการออกไป เนื่องจากผู้เช่ามีความเชื่อมั่นในการให้บริการที่มีมาตรฐานของบริษัท
รวมถึงบริษัทยังเล็งเห็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้า (หรือผู้เช่า) ผ่านทางนายหน้าจัดหาผู้เช่าเรือ (Broker) ที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีกับบริษัทมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปีและสามารถติดต่อหาสินค้าจากกลุ่มผู้เช่าที่มีศักยภาพและมีชื่อเสียงเป็นที่ไว้วางใจได้
“บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายเส้นทางการเดินเรือไปยังประเทศที่มีศักยภาพสูง ซึ่งเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มเป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก โดยเราได้ศึกษาแผนในการขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีอย่างรอบคอบ เพื่อที่จะได้เรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีที่มีน้ำหนักบรรทุกมากขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดและเกิดการประหยัดในเชิงปริมาณ(Economy of Scale)บริษัทยังเน้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้เช่าเรือ พัฒนาบุคคลากรให้ความเข้าใจในงานและความต้องการของผู้เช่าเรือเพื่อทำให้การขยายธุรกิจของบริษัทฯมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายพิศาลกล่าว
โดยปัจจุบันบริษัทให้บริการขนส่งสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงและสารเคมีแบบไม่ประจำเส้นทางโดยใช้เรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีที่มีน้ำหนักบรรทุกประมาณ 3,000 ถึง10,000 เมตริกตัน เส้นทางให้บริการหลักในการขนส่งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ปัจจุบันบริษัทฯมีเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี จำนวน 7 ลำ มีน้ำหนักบรรทุกรวมทั้งสิ้น 33,641 เมตริกตัน เรือทุกลำใช้สัญชาติไทยและธงเรือไทย โดยสินค้าที่ขนส่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชชนิดต่างๆ