MACO จ่อซื้อหุ้น “มัลติ ไซน์” หวังหนุนผลประกอบการปี 60 โต 20%

MACO จ่อซื้อหุ้น “มัลติ ไซน์" หรือ MTS ผู้ประกอบกิจการป้ายโฆษณา จำนวน 70% จากผู้ถือหุ้นเดิมของ MTS คาดช่วยหนุนผลประกอบการปี 60 โตไม่ต่ำกว่า 20%


นางศุภรานันท์ ตันวิรัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทมาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้บริษัท กรีน แอด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นในบริษัท มัลติ ไซน์ จำกัด (MTS) จำนวน 70% ของหุ้นทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นเดิมของ MTS ในราคาซื้อขายรวมไม่เกิน 439 ล้านบาท ซึ่งกระบวนการควบรวมกิจการจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนก.ย.นี้

ขณะที่บริษัทวางทิศทางการดำเนินงานต่อจากนี้จะเน้นการหาพันธมิตรทางธุรกิจในทุกรูปแบบเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้สื่อโฆษณา และเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยหนุนให้รายได้ในครึ่งแรกปีนี้เติบโตสวนทิศทางอุตสาหกรรมที่ติดลบ

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาครึ่งปีแรกติดลบ 7.8% ขณะที่บริษัทมีรายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ที่ระดับ 369.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิรวม 83.72 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อเทียบกับสภาวะชะลอตัวของการใช้จ่ายงบประมาณโฆษณาทั้งอุตสาหกรรม เครือข่ายสื่อป้ายโฆษณายังคงสามารถรักษาระดับการขายไว้ได้ดีอย่างต่อเนื่องแม้ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้ง ความร่วมมือทางธุรกิจที่ดำเนินร่วมกับ บริษัทวี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI พันธมิตรหลักที่เข้ามาช่วยบริหารการขายสื่อประเภท Street Furniture และ Transit ยังช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงาน

อนึ่ง บริษัท มัลติ ไซน์ จำกัด เป็นผู้ประกอบกิจการป้ายโฆษณา ที่ดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 13 ปี มีป้ายโฆษณาภาพนิ่งกระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนป้ายทั้งหมด 862 ป้าย แบ่งเป็น Large Billboard ,Light Box และ Mini Billboard โดยมีตำแหน่งป้ายโฆษณาอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ CBD (Central Business District) ของแต่ละจังหวัด การเพิ่มเครือข่ายสื่อในครั้งนี้จะทำให้กำลังการผลิตสื่อของ MACO เพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีกำลังผลิตอยู่ในมูลค่า 900 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้นอีก 300 ล้านบาท เป็นมูลค่ารวม 1200 ล้านบาท MACO คาดว่าภายหลังเข้าควบรวมกิจการแล้วจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ MACO ในปี 60 ให้เติบโตไม่น้อยกว่า 20%

Back to top button