PRINC ทุ่ม 5.8 พันลบ.เข้าซื้อธุรกิจอสังหาฯ ด้วยวิธีแลกหุ้น-ออกตั๋ว P/N
PRINC ทุ่ม 5.8 พันลบ.เข้าซื้อธุรกิจอสังหาฯ ด้วยวิธีแลกหุ้น-ออกตั๋ว P/N
บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เปิดเผยว่า บริษัทจะเข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัท วี บริลเลี่ยนกรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (VB) ซึ่งทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในสัดส่วนประมาณ 99.99% คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 5.8 พันล้านบาท โดยจะชำระค่าหุ้นด้วยวิธีการออกหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของ VB และออกตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ Promissory Note (P/N) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนต.ค.59 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท
PRINC แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันศุกร์ อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 พิจารณาอนุมัติแผนการเข้าซื้อกิจการของกลุ่ม VB ดังกล่าว อันจะเป็นผลให้บริษัทได้มาซึ่งบริษัทย่อยที่ VB ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนประมาณ 99.99% จำนวน 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท วี อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด , บริษัท วีเรสซิเดนซ์ จำกัด , บริษัท กรุงเทพบริหาร จำกัด และบริษัท วี 33 จำกัด ซึ่งกลุ่มบริษัท VB เป็นกลุ่มบริษัทที่มีประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงที่ดินในทำเลใจกลางกรุงเทพฯ และในจังหวัดต่าง ๆ อาคาร และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เช่น อาคารบางกอกบิสซิเนส เซ็นเตอร์ (BBC) และโครงการโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ซัมเมอร์เซ็ท เอกมัย ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการในปี 60
โดยมูลค่าในการซื้อกิจการครั้งนี้ไม่เกิน 5.8 พันล้านบาท โดยจะเป็นการซื้อจากผู้ถือหุ้น 2 ราย ได้แก่ นางสาวสาธิตา วิทยากร ซึ่งเป็นบุตรของนายสาธิต วิทยากร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ในราคาไม่เกิน 5.34 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 92.18% แบ่งการชำระโดยวิธี บริษัทจะออกหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 1.68 พันล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.87 บาท คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 4.83 พันล้านบาท และออกตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่ารวมไม่เกิน 510.51 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1.75% ต่อปี
ขณะที่อีกส่วนจะซื้อหุ้นบุริมสิทธิ จำนวน 49.49 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 7.82% โดยจะเป็นการซื้อจากพีค ดีเวลลอปเม้นท์ โฮลดิ้งส์ แอลทีดี ซึ่งจะชำระค่าหุ้นด้วยหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 157.74 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.87 บาท คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 452.71 ล้านบาท
เบื้องต้นคาดว่าหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติรายการดังกล่าวในเดือนก.ย. บริษัทน่าจะสามารถเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท VB ได้ภายในเดือนต.ค.59 ซึ่งภายหลังการเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้แล้ว นายสาธิต ,นางสาวสาธิตา และพีค ดีเวลลอปเม้นท์ โฮลดิ้งส์ จะเป็นบุคคลที่กระทำการร่วมกัน (Concert Parties) ซึ่งจะถือหุ้นรวมกันประมาณ 88.75% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัท หรือคิดเป็นประมาณ 86.81% ภายหลังการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (PRINC-W1) ซึ่งกำหนดการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายในเดือนก.ย.59
สำหรับการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ VB ทำให้บริษัทได้มาซึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ อาคารสำนักงาน BBC ซึ่งเปิดดำเนินการอยู่ในปัจจุบันในส่วนสำนักงานมีผู้เช่ากว่า 80% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด โครงการโรงแรมและเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ซัมเมอร์เซ็ท ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 1/60 รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ สามารถนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม หรือที่พักอาศัยซึ่งบริษัทมีประสบการณ์ได้ในอนาคต
การได้มาซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ที่ปัจจุบันมีรายได้จากโครงการแมริออท เอ็คเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเม้นท์ สาทร วิสต้า เพียงโครงการเดียว ซึ่งการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้โครงการอาคารสำนักงาน BBC ได้ทันที และเพิ่มขึ้นจากโครงการ ซัมเมอร์เซ็ท ในปี 60 และหากการพัฒนาโครงการต่าง ๆ สำเร็จตามแผนที่วางไว้ บริษัทจะสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในโครงการ นอกจากนี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจจากการขยายไปสู่การพัฒนาโครงการประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ลดความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการในอนาคต
สำหรับโครงการในกรุงเทพฯ 3 แห่งที่จะได้มาคราวนี้ คาดว่าจะต้องทยอยใช้เงินทุนในการพัฒนาโครงการเพิ่มเติมอีกประมาณ 3.6 พันล้านบาท คาดว่าจะมีแหล่งเงินทุนหลักมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และยังจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากอาคารสำนักงาน BBC และโครงการที่คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการในปี 60 ด้วย ซึ่งจะเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาโครงการอีกส่วนหนึ่งด้วย