AGE เผยครึ่งปีหลังรับยอดขายตปท.เพิ่ม-รอลุ้นโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 จ.ใต้
AGE เผยครึ่งปีหลังรับยอดขายตปท.เพิ่ม-รอลุ้นโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 จ.ใต้
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือAGE เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้ว่า ยอดขายจากต่างประเทศจะเริ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่าปริมาณการขายในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าคือปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 10%
ขณะที่ราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 65 ดอลลาร์สหรัฐ/ตันจะส่งผลบวกต่อธุรกิจด้วย โดยคาดว่าตลาดในประเทศน่าจะทยอยรับรู้ราคาถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ช้ากว่าตลาดโลกอย่างน้อย 2-3 เดือน ซึ่งเป็นไปตามกลไกปกติ
“การทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้นในระยะแรกจะต้องใช้เวลา และมีปริมาณการส่งออกในสัดส่วนที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณเชิงบวก และมั่นใจว่าในอนาคตจะคำสั่งซื้อเพิ่มปริมาณมากขึ้น จึงเชื่อว่าปริมาณการขายของบริษัทโดยรวมจะเติบโตได้ใกล้เคียง 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน”นายพนม กล่าว
ในส่วนของการประมูลสัญญาขายไฟฟ้าชีวมวล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ บริษัทได้ยื่นเสนอขายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลไป 1 โครงการ ภายใต้ชื่อ บริษัท เปียน กรีน เพาเวอร์ จำกัด โดยในรอบแรกผ่านคุณสมบัติและข้อเสนอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคสำหรับการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งบริษัทได้ยื่นประมูลไป 9.9 เมกะวัตต์ จากกำลังผลิตที่เปิดประมูล 36 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ บริษัท เปียน กรีน เพาเวอร์ จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือหุ้นทั้ง 100% โดยบริษัท เอจีอี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AGE ในสัดส่วน 100%
นายพนม ยังชี้แจงผลประกอบการงวดไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 ว่า บริษัทมีรายได้ 1,059.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 970.67 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 29.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.99 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 59 ของบริษัทมีรายได้รวม 2,000.12 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,341.39 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ 43.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34.54 ล้านบาท
สาเหตุที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากแผนลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมทั้งแผนการขยายตลาดในประเทศ ทำให้ปริมาณการขายถ่านหินในประเทศปรับตัวดีขึ้น โดยยอดขายตลาดในประเทศช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 0.97 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขายถ่านหินในประเทศ 0.85 ล้านตัน รวมทั้งการเปิดตลาดใหม่ ๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจึงส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 อัตราการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/59 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จากกลยุทธ์ขยายตลาดในประเทศ โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพของสินค้าและบริการ รวมทั้งการดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนต่างประเทศมีการขยายยอดขายในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มจากปีที่ผ่านมาตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ราคาถ่านหินโลกมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากซัพพลายที่หายไปทั้งจากในประเทศจีน รวมทั้งความต้องการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศอินเดีย” นายพนม กล่าว