BA เตรียมทำสัญญา “Codeshare” กับพันธมิตรเพิ่มอีก 2-3 รายใน H2/59
BA เตรียมทำสัญญา “Codeshare” กับพันธมิตรเพิ่มอีก 2-3 รายใน H2/59
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า บริษัทคาดในครึ่งปีหลังของปี 59 นี้ จะมีสายการบินพันธมิตรทำสัญญาความตกลงเที่ยวบินร่วมเพิ่มเติมอีก 2-3 ราย หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมทำสัญญาความตกลงเที่ยวบินร่วม (Codeshare Agreement) กับสายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ ของประเทศออสเตรีย ส่งผลให้จำนวนสายการบินพันธมิตรของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 21 สายการบิน ซึ่งการร่วมมือดังกล่าวทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มศักยภาพการเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคยุโรปและประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารในการเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ ได้เปิดให้บริการ 2 เส้นทางการบินใหม่ คือเส้นทางระหว่างเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน และเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ – ดานัง (ประเทศเวียดนาม) สำหรับการเปิดเส้นทางบินใหม่ภายในประเทศเชื่อมเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนนั้น บริษัทฯ เล็งเห็นถึงศักยภาพของ 2 จังหวัดนี้ ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและด้านธุรกิจ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ หรือข้าราชการ ที่ต้องเดินทางระหว่าง 2 จังหวัดให้สะดวกสบายและประหยัดเวลายิ่งขึ้น โดยให้บริการสัปดาห์ละ 10 เที่ยวบิน ซึ่งให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.59
และสำหรับเส้นทางบินตรงสู่ดานังนั้น ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายเส้นทางบินของบางกอกแอร์เวย์สให้ครอบคลุมประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งเมืองดานังถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจการท่องเที่ยวและเมืองท่าที่สำคัญของประเทศเวียดนาม (ภาคกลาง) เป็นเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ รองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก และยังตั้งอยู่ใกล้กับเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกจากองค์กร UNESCO โดยบางกอกแอร์เวย์สให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน (จันทร์ พุธ ศุกร์และเสาร์) ซึ่งให้บริการตั้งแต่ 25 พ.ค. 59
นายพุฒิพงศ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการเพิ่มความถี่การบินในเส้นทางบินกรุงเทพฯ – เนปิดอว์ จากจำนวน 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 6 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นนั้นเปิดให้บริการทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับผู้โดยสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ากลุ่มองค์กร ที่มีความจำเป็นต้องติดต่อหน่วยงานภาครัฐของสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของเส้นทางบินนี้
สำหรับจำนวนอากาศยานของบริษัทฯ ณ ปัจจุบัน มีจำนวนทั้งสิ้น 33 ลำ เป็นเครื่องบินแบบ ATR 72-500 และ ATR 72-600 จำนวน 13 ลำ และ แบบ Airbus 319 และ 320 จำนวน 20 ลำ
นายพุฒิพงศ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 59 ว่า รายได้รวมของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 6,054.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางภาษีเท่ากับ 491.7 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้ยื่นรายการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 447.0 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการปรับเกณฑ์การคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทฯ ซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนให้เป็นไปตามเกณฑ์การคำนวณภาษีของกรมสรรพากร ตามประกาศของกระทรวงการคลังฉบับลงวันที่ 16 มิ.ย. 59 จึงส่งผลให้ไตรมาสที่ 2 ของปี 59 บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิเท่ากับ 111.9 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 59 ของบริษัทฯ มีรายได้รวม 13,830.4 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจาก 6 เดือนแรกของปี 58 จำนวน 1,533.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.5 โดยมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางภาษีเท่ากับ 2,308.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,462.6 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจาก 6 เดือนแรกของปี 2558 จำนวน 273.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 23 โดยเป็นกำไรสุทธิที่เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 1,425.3 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.68 บาทต่อหุ้น เพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 ร้อยละ 23.6