JSP เตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ใน Q4/59 พร้อมปรับราคาขายเพิ่ม 5-10%

JSP เตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ใน Q4/59 มูลค่ารวมกว่า 4 พันลบ. พร้อมปรับราคาขายเพิ่ม 5-10% ตามราคาต้นทุนที่ดินที่บริษัทซื้อมาที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15%


นายสิทธิพร รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4/59 จะมีการเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ คือ โครงการ J Condo พระราม 2 มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ 3 โครการ ได้แก่ โครงการ J Grand สาทร-กัลปพฤกษ์ มูลค่าโครงการ 610 ล้านบาท โครงการมิกซ์ยูส J Square, J city, J Villa และ J Legend บางบัวทอง-รัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 2.59 พันล้านบาท และโครงการ J City และ J Villa มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4/59 นี้ จะมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-10% ซึ่งเป็นไปตามราคาต้นทุนที่ดินที่บริษัทซื้อมาที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15%

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการโอนโครงการอีกมูลค่า 3 พันล้านบาท จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมดที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบันที่ 5.9 พันล้านบาท โดยโครงการที่จะโอนในครึ่งปีหลังมีโครงการคอนโดมิเนียมไมอามี่ บางปู, โครงการ JSP City รังสิต-คลอง1, โครงการสำเพ็ง 2, โครงการทิวลิป สแควร์ และโครงการ JSP City สุขุมวิท-แพรกษา โดยมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 4 พันล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มกำไรปีนี้ คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีกำไรอยู่ที่ 701.94 ล้านบาท เนื่องจากการโอนโครงการที่เป็นอาคารพาณิชย์ที่ให้มาร์จิ้นสูงในระดับ 42-45% เริ่มมีจำนวนการโอนที่ลดลง ทำให้กำไรของบริษัทจะไม่สูงมากเท่าเดิมเหมือนกับในช่วงที่มีการโอนโครงการอาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 206.20 ล้านบาท แต่บริษัทจะพยายามรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ 15% และ 30% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัท ทั้งรายได้และกำไรของบริษัทจะมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีการโอนโครงการเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรกที่มีการโอนโครงการเพียง 1 พันล้านบาท

นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสในการทำโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนราคาไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท/ตารางเมตร ในย่านธุรกิจสำคัญ (CBD) ในกรุงเทพฯ ซึ่งจะเป็นโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรจีน คือ บริษัท จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด หลังได้ร่วมกันลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่บางเสร่ ซึ่งโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ CBD เป็นโครงการที่พันธมิตรจีนมีความสนใจต้องการลงทุน แต่บริษัทยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการดังกล่าว และการซื้อที่ดินในกรุงเทพฯ CBD นั้นต้องใช้เงินในการซื้อที่ดินมากกว่าที่ดินในปริมณฑล ทำให้จะต้องมีการศึกษาเรื่องการลงทุนดังกล่าวอย่างรอบคอบ

ด้านนายไพโรจน์ วัฒนวโรดม รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส JSP กล่าวว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบันมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 15% จากปีก่อนที่ 30% เนื่องจากบริษัทได้มีการจัดงาน Finacial Day เพื่อให้ลูกค้าและสถาบันการเงินมาพบกัน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของลูกค้าก่อนยื่นขออนุมัติสินเชื่อ ซึ่งสถาบันการเงินจะมีการตรวจสอบความสามารถในการกู้ของลูกค้าในเบื้องต้นก่อน ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และอยู่ในระดับที่บริษัทพอใจ อีกทั้งปัจจุบันสถาบันการเงินเริ่มผ่อนคลายการอนุมัติสินเชื่ออยู่บ้างโดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ และธนาคารรัฐบางแห่งยังมีความต้องการปล่อยกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าของบริษัทมากขึ้น

Back to top button