ดอลล์อ่อนค่าหลังสหรัฐฯเผยตัวเลขศก.อ่อนแอ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้สกัดกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (16 ส.ค.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 100.26 เยน จากระดับ 101.23 เยน และลดลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9621 ฟรังก์ จากระดับ 0.9723 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2844 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2912 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนค่าเงินเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1275 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1185 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.3036 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2874 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7698 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7682 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อได้เบาบางลง ซึ่งจะลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ทั้งนี้ การที่ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือนก.ค. หรืออยู่ที่ระดับ 0.0% นั้น นับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.พ. หลังการปรับตัวขึ้น 0.2% ทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.
ตัวเลข CPI ที่อ่อนแอของสหรัฐได้สกัดกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุดนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ได้เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ ขณะที่นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้