น้ำมันดิบปิดพุ่งรับดอลล์อ่อนค่า-สต็อกในสหรัฐฯร่วง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ ตลาดยังคงขานรับรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิด (18 ส.ค.) ที่ 48.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 50.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ หลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 521.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.7 ล้านบาร์เรล โดยเป็นการลดลงมากกว่า 2 ล้านบาร์เรลเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น จะทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
นักลงทุนจับตาการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้อย่างใกล้ชิด หลังจากที่การเจรจาหลายครั้งก่อนหน้านี้ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ต่างจบลงด้วยความล้มเหลว ขณะที่ธนาคารยูบีเอสคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกอาจลดลงในเดือนนี้ ท่ามกลางความไม่สงบในหลายประเทศ หลังจากที่การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีเมื่อเดือนที่แล้ว