ช้าไปหรือเปล่า! KBANK ยอมคืนเงินหนุ่มสูญเป็นล้านแล้ว

ช้าไปหรือเปล่า! KBANK ยอมคืนเงินหนุ่มสูญเป็นล้านแล้ว


นายอดิศวร์ หลายชูไทย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายพันธ์สุธี มีลือกิจ ลูกค้าของธนาคารถูกมิจฉาชีพยักยอกเงินในบัญชีผ่านบริการธนาคารทางอินเตอร์เน็ตจำนวน 986,700 บาทนั้น ธนาคารรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเห็นใจนายพันธ์สุธี ที่ประกอบอาชีพสุจริตแต่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรอย่างไม่รู้ตัว

ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนที่เกิดขึ้น ธนาคารยินดีรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีดังกล่าวทั้งจำนวน 986,700 บาท เพื่อนายพันธ์สุธี จะสามารถนำเงินไปดำรงชีพและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวต่อไปได้

ทั้งนี้ การที่อาชญากรสามารถยักยอกเงินจากบัญชีลูกค้าไปได้ แม้จะไม่ใช่ความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของระบบไอที หรือไม่ใช่การเจาะระบบเพื่อเอาข้อมูลจากธนาคาร (Hack) แต่เป็นความพยายามในการหาช่องทางภายนอกธนาคารเพื่อกระทำการทุจริตต่อลูกค้าธนาคาร ธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารผู้ให้บริการ และเป็นเจ้าของบริการมีหน้าที่รับผิดชอบส่วนหนึ่งในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นกับลูกค้ารายอื่นอีก รวมทั้งหาแนวทางความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์อื่นในการอุดช่องโหว่ของบริการ และร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามผู้กระทำผิดให้ได้ เพื่อไม่ให้ไปก่ออาชญากรรมในลักษณะนี้หรือรูปแบบอื่น ๆ กับประชาชนที่บริสุทธิ์ต่อไป

ก่อนหน้านี้ นายพันธุ์สุธี มีลือกิจ เจ้าของร้านประดับยนต์ อายุ 28 ปี และครอบครัว ได้นั่งประท้วงกลางถนนพระราม 1 หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อประท้วงกรณีตนเองถูกคนร้ายโอนเงินทั้งหมดในชีวิตที่ฝากเอาไว้ในบัญชีธนาคารกสิกรไทย โดยคนร้ายใช้วิธีติดต่อขอเปลี่ยนซิมที่ทรูช็อปจากนั้นโทรไปเปลี่ยนรหัส แอพพลิเคชั่น K-Mobile Banking และโอนเงินในบัญชีไปจนเกลี้ยงจำนวนดังกล่าว พร้อมมอบหลักฐานข้อมูลคนร้ายให้ พ.ต.อ.ธวัชศักดิ์ โปตระนันทน์ รอง ผบก.อก.สทส.

โดยตนอยากเรียกร้องให้ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เนื่องมีคนร้ายไปหลอกขอรหัสผ่านแอพพลิเคชั่น K-Mobile Banking โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขากรุงศรีอยุธยา ไปจนหมดบัญชี

เนื่องจกคนร้ายได้ไปแจ้งกับทางทรูว่าซิมหายต้องการขอซิมใหม่ โดยใช้สำเนาบัตรประชาชนปลอมที่ทำขึ้นมา ข้อมูลในบัตรเป็นของตน แต่ภาพเป็นของคนร้าย ซึ่งปกติแล้วการขอซิมใหม่ของทรูจะต้องใช้บัตรจริงเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าทางทรูทำซิมใหม่ให้คนร้ายได้อย่างไร และตั้งแต่วันเกิดเหตุทางทรูไม่เคยติดต่อมาหาหรือแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด หลังเกิดเรื่องตนเป็นผู้ดำเนินเรื่องเองทั้งหมด

จากนั้นเมื่อได้ซิมใหม่ก็โทรไปขอรหัสผ่าน K-Mobile Banking กับคอลเซ็นเตอร์โดยใช้ข้อมูลในบัตรประชาชนของตน เมื่อได้รหัสมาคนร้ายก็โอนเงินออกจากบัญชีไปจนหมดรวมทั้งสิ้น จำนวน 986,700 บาท เหลือเงินบัญชีเพียง 58 บาท

โดยทางธนาคารได้ติดต่อกลับมาหาตนว่าสามารถชดใช้ได้เพียง 33% จากความเสียหายเท่านั้น ส่วนที่เหลือไปให้ตามเอาเองกับทรูและคนร้าย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเคสของตนไม่ใช่เคสแรก เพราะมีผู้โดนคนร้ายกลุ่มนี้ถอนเงินออกจนหมดธนาคารมาแล้วกว่า 6 ราย แต่บางรายกลับได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารอย่างเต็มที่ ตนจึงจำเป็นต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยวิธีดังกล่าว เพราะหมดสิ้นหนทางในการตามเงินคืนแล้วในตอนนี้ 

Back to top button