PYLON ฟุ้งกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน-ยอด Backlog 700 ลบ.ทยอยรับรู้ฯถึงกลางปี 60
PYLON ฟุ้งกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน แม้รายได้หดตัวเหตุงานภาครัฐออกมาช้า,มียอด Backlog 700 ลบ.ทยอยรับรู้ฯถึงกลางปี 60
นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าระดับ 201.91 ล้านบาทในปีก่อน แม้คาดว่ารายได้จะลดลงจากระดับ 1.2 พันล้านบาทในปีก่อนก็ตาม เนื่องจากบริษัทเน้นรับงานที่ให้มาร์จิ้นสูง และเป็นงานที่มีสัญญาต่อเนื่อง ทำให้ใช้กำลังการผลิตได้เต็มที่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทใช้กำลังการผลิตเกือบเต็ม 100% แล้ว และตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 16% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20%
ขณะที่รายได้ในปีนี้คาดว่าจะลดลงจากปีก่อน เป็นผลจากงานโครงการของภาครัฐที่ออกมาล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ปริมาณงานโครงการต่างๆ มีน้อย และมีผลไปถึงงานโครงการของภาคเอกชนที่ชะลอตัวตามไปด้วย แต่แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มเห็นความชัดเจนของโครงการภาครัฐออกมาอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งทำให้งานโครงการต่าง ๆ เริ่มกลับมา ซึ่งบริษัทได้งานภาครัฐที่เกี่ยวกับฐานรากมาแล้ว 2 โครงการ คือ งานฐานรากโครงการรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น ที่เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปเมื่อไตรมาส 2/59 ที่ผ่านมา และงานฐานรากโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในเดือนต.ค.นี้
“งานโครงการภาครัฐที่ออกมามากขึ้นจะช่วยให้การลงทุนภาคเอกชนกลับมาเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่จะมีการเปิดประมูลในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีผลต่อการสร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการลงทุนตามมากขึ้น โดยบริษัทประเมินว่าแนวโน้มรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสที่จะดีขึ้นจากครึ่งปีแรกจากงานภาครัฐและงานภาคเอกชนที่จะมีเพิ่มมากขึ้น”นายชเนศวร์ กล่าว
นายชเนศวร์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 700 ล้านบาท ฟื้นตัวขึ้นราว 30% จากช่วงเดือนพ.ค. เนื่องจากมีการขับเคลื่อนของงานภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนหลัก ที่มีปริมาณงานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่มากขึ้น และจะฟื้นตัวอย่างเด่นชัดในปี 60 โดย Backlog ที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะทยอยรับรู้ในช่วงต้นปี-กลางปี 60 ซึ่งเป็น Backlog ที่มาจากงานขนาดใหญ่ ได้แก่ งานฐานรากสุวรรณภูมิ เฟส 2 ที่จะเริ่มในเดือนต.ค. และมีกำหนดส่งมอบงานในช่วงกลางปีหน้า และงานฐานรากโครงการของโกลเด้นแลนด์ที่สามย่าน ที่มีกำหนดส่งมอบงานในต้นปี 60
ส่วนงบลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ 250 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อเครื่องจักรไว้ขยายงาน ซึ่งปัจจุบันใช้ไปแล้ว 100 ล้านบาท และคาดว่าช่วงที่เหลือจะใช้งบลงทุนไม่หมดเนื่องจากบริษัทจะลงทุนก็ต่อเมื่อรับงานเท่านั้น
นอกจากนี้บริษัทมีแผนการนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน (โรดโชว์) ที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงปลายปีนี้ และสิ้นเดือนส.ค.ที่งานไทยแลนด์โฟกัส ซึ่งนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจถึงผลการดำเนินงานของบริษัท แต่สิ่งที่สำคัญที่นักลงทุนต่างชาติยังไม่มั่นใจ คือ ความต่อเนื่องของนโยบายการลงทุนของภาครัฐ โดยการลงทุนภาครัฐถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่ทำให้เกิดการลงทุนตามของภาคเอกชน หลังจากครึ่งปีแรกการลงทุนของเอกชนชะลอตัวลงไปมาก