BEAUTY สยายปีกธุรกิจในฮ่องกง-ไต้หวัน Q3/59 มั่นใจปีนี้ผลงานนิวไฮ
BEAUTY สยายปีกธุรกิจในฮ่องกง-ไต้หวัน Q3/59 มั่นใจปีนี้ผลงานนิวไฮ
นายสุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในฮ่องกง ที่มีสาขาทั้งหมด 86 สาขา และตัวแทนขายในไต้หวันที่มีสาขา 16 สาขา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/59 ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มรายได้ให้เติบโตขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้าในไต้หวันและฮ่องกงมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภค และจำนวนประชากรที่ค่อนข้างมาก
สำหรับแผนขยายสาขาของบริษัทนั้น ในปีนี้ยังเดินหน้าขยายสาขาต่างประเทศเพิ่มอีก 12 สาขา จากปัจจุบันมี 39 สาขา กระจายอยู่ในเวียดนาม 28 สาขา กัมพูชา 7 สาขา ลาว 2 สาขา และ พม่า 2 สาขา โดยเน้นกลยุทธ์การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายที่มีร้านสาขาอยู่แล้ว
ขณะที่การขยายสาขาในประเทศ บริษัทตั้งเป้าสาขาร้าน BEAUTY BUFFET จำนวน 30 สาขา BEAUTY COTTAGE จำนวน 15 สาขา และ BEAUTY MARKET จำนวน 10 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวม 323 สาขา แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 239 สาขา BEAUTY COTTAGE 71 สาขา และ BEAUTY MARKET 13 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นมาก โดยจัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11) เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้นำผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายแล้วใน 900 สาขาทั่วประเทศ และมีกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากผู้บริโภค ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังมีการรุกตลาดผ่านทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่าง ๆ ผ่านทั้ง Facebook Instragram และเว็บไซต์ต่างๆ โดยครึ่งปีแรกยอดขายออนไลน์การเติบโตสูงถึง 165%
นายสุวิน คาดว่า รายได้และกำไรสุทธิปีนี้ บริษัทยังเชื่อมั่นว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,792.03 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 402.49 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้แล้ว 1,118.13 ล้านบาท หรือเติบโต 45.14% และมีกำไรสุทธิ 267.95 ล้านบาท หรือเติบโต 57.97% เนื่องจากบริษัทได้ทำการตลาด และเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ราคาไม่สูงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าของแบรนด์บริษัทฯมีความภักดีในตราสินค้าอีกด้วย
ในขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังทั้งแง่รายได้ และกำไรสุทธิจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และในไตรมาส 4/59 เป็นช่วงไฮซีซั่นปกติ ประกอบกับ บริษัทยังได้มุ่งเน้นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าในทุกรูปแบบทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 22% หลังครึ่งปีแรกสามารถทำได้ 23.96% จากปีก่อนอยู่ที่ 22.46% โดยในช่วงที่ผ่านมาผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมีความประหยัดจากขนาด (Economy of scale) และสามารถต่อรองราคากับผู้ผลิตได้มากขึ้นด้วย
“เรายังคงมั่นใจว่าจะมีการเติบโตที่ไม่ต่ำกว่า 20% อย่างต่อเนื่องใน 2-3 ปี ข้างหน้า ซึ่งเป็นการเติบโตในทุกช่องทาง จากการทำการตลาดที่ดี ออกผลิตภัณฑืใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการขยายตลาดไปต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย ช่วยให้ผลประกอบการมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างที่เห็นในผลประกอบการ”นายสุวิน กล่าว