BAY ฟุ้งปีนี้ปล่อยสินเชื่อบ้านเข้าเป้า 6.5 หมื่นลบ.หลังเดินหน้าปรับกระบวนการขาย
BAY มั่นใจปีนี้ปล่อยสินเชื่อบ้านเข้าเป้า 6.5 หมื่นลบ.หลังครึ่งปีแรกปล่อยได้แล้ว 3.4 หมื่นลบ.รับเดินหน้าปรับกระบวนการขายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าสินเชื่อบ้านปล่อยใหม่ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 6.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อนที่ปล่อยสิยเชื่อบ้านได้อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ไปแล้วอยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากการเดินหน้าปรับกระบวนการให้มีประสิทธิภาพ เน้นการให้บริการ และเสริมทีมขาย พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และลูกค้าได้ดีขึ้น
ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างของสินเชื่อบ้านของธนาคารในสิ้นปีนี้คาดว่าแตะระดับ 2 แสนล้านบาท หรือเติบโต 25% จากสิ้นปีก่อนที่ 1.6 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาท หรือมีการเติบโต 12.7% จากสิ้นปีก่อนที่ 1.6 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ธนาคารยังมุ่งเน้นการสร้างความสตกต่างในด้านผลิตภัณฑ์ และไม่แข่งขันเรื่องราคา รวมทั้งยังคงเกณฑ์การพิจารณาอุนมัติสินเชื่อตามปกติ และรักษาสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในสิ้นปีนี้ให้อยู่ในระดับ 2.6%
สำหรับกลยุทธ์ไนช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารมุ่งขยายตลาดไปยังกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในระดับท้องถิ่นตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ และผลักดันผลิตภัณฑ์ทางเลือก “โฮมฟอร์แคช” (Home for Cash) สินเชื่อเอนกประสงค์ที่ช่วยตอบโจทย์ลูกค้ารายย่อย หรือผู้ประกอบการที่ต้องการเสริมสภลพคล่อง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่และประโยชน์ต่อลูกค้า นอกจากนี้ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 6 รายใหญ่ เสนอแคมเปญอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% ระยะเวลา 5 ปี และอัตราเอกเบี้ยคงที่ 5% ระยะเวลา 7 ปี เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการวางแผนการเงินระยะยาวในช่วงที่ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น
ด้านแนวโน้มตลาดสินเชื่อบ้านในช่วงครึ่งปีหลังมองว่ายังคงเติบโตต่อเนื่องจากหลายปัจจัยหนุน ทั้งทิศทางเศรษฐกิจในประเทศที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น เม็ดเงินลงทุนภาครัฐที่ทยอยเข้าสู่ระบบ ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมากมีสภาพคล่องทางการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาระหนี้จากโครงการรถยนต์คันแรกเริ่มทยอยครบกำหนดตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้กำลังซื้อเริ่มกลับมาบางส่วน อีกทั้งจะมีคอนโดมิเนียมที่รอโอนจำนวนมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้