TACC เตรียมส่งสินค้าใหม่รุกขยายตลาดเขมร ลุยศึกษาธุรกิจใหม่
TACC เตรียมส่งสินค้าใหม่รุกขยายตลาดเขมร ตั้งเป้ารายได้ปี 60-63 โตเฉลี่ย 15% เผยอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจใหม่
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดใหม่ ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงกว่าตลาดชาถึง 7 เท่า หรือมีมูลค่าตลาดกว่า 3,500 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/59 หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ชา”เซนย่า”ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 60-63 จะเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี จากปีนี้ที่มั่นใจรายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หลังจากช่วงครึ่งปีแรกรายได้ขยายตัว 17% จากยอดขายในกัมพูชาและยอดขายเครื่องดื่มใน 7-Eleven ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในวันที่ 26 ก.ย.บริษัทจะเริ่มวางจำหน่ายโดนัทสไตล์ญี่ปุ่นรสออริจินอล โดยตั้งเป้ายอดขาย 30,000 ชิ้น/วัน และจะมีการวางจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์คาแร็คเตอร์ตัวการ์ตูน Sanrio ในวันที่ 29 ก.ย.
ขณะที่บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในจีนช่วงเดือน ต.ค. นี้ โดยตัวแทนจำหน่ายรายดังกล่าวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการนำสินจากต่างประเทศเข้าไปจำหน่าย โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็น 3 IN 1 และเป็นการจำหน่ายผ่าน Online เป็นหลัก ซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยให้ยอดขายในจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้นอก 7-Eleven จะเพิ่มเป็น 35% ภายในปี 63 จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ 13% ด้วยกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มที่จำหน่ายนอก 7-Eleven เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีสัดส่วนรายได้ตามที่บริษัทคาดแล้ว ในปี 63 อัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 10% จาก 8.75% ในครึ่งแรกปีนี้ เนื่องจากสินค้าที่ขายนอก 7-Eleven มีมาร์จิ้นสูง ในขณะเดียวกันบริษัทก็เน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีและควบคุมค่าใช้จ่ายด้วย
“ด้วยแผนต่าง ๆ เราก็ยังมีการเติบโตตาม 7-Eleven และในขณะเดียวกันเราก็ยังเน้นการเติบโตนอก 7-Eleven ด้วย ซึ่งเราก็มีการบุกตลาดอย่างหนักในประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/59 นี้เราจะมีการเปิดตลาดในเครื่องดื่มที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ก็จะช่วยให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง”นายชนิต กล่าว
ทั้งนี้ด้วยเงินระดมทุนที่บริษัทได้มาจากการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ยังมีอยู่จำนวนมากบริษัทจึงมองหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทมองทั้งการเข้าซื้อกิจการ ร่วมลงทุน และการลงทุนเอง โดยคาดจะเห็นความชัดเจนในปี 60
ขณะที่บริษัทมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้และกำไรในปีนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดทำสถิติสูงสุดใหม่นับจากตั้งบริษัท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสินค้าในกลุ่ม B2B คือ การเพิ่มจุดขายกาแฟ ลาเต้ และการขยาย All Cafe รวมถึงคาแร็คเตอร์ ตัวการ์ตูนกลุ่ม Sanrio และโดนัทสไตล์ญี่ปุ่น ยี่ห้อ “อะสไมลล์” ที่จะวางจำหน่ายในเดือนก.ย.นี้พร้อมๆ กัน
รวมถึงสินค้าในกลุ่ม B2C คือ การขายชาเขียวพร้อมดื่มเซนย่า ในกัมพูชา ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเครื่องดื่มทุเรียน มะม่วง ที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะส่งขายในเมืองจีนในไตรมาส 4/59 ก็คาดหวังว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน