“ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 229.50 ล้านหุ้น จ่อเทรด SET
WHA ดันบริษัทลูก "ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์" หรือ WHAUP ผู้ดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคครบวงจรให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ไม่เกิน 229.50 ล้านหุ้น จ่อเทรด SET โดยมี ธ.ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ WHA ได้ทำการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์กับสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เรียบร้อยแล้ว
โดยจำนวนหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 229.50 ล้านหุ้น และได้ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมี บล.ไทยพาณิชย์ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้งนี้การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 125 ล้านหุ้น และ การเสนอขายหุ้นสามัญเดิมของผู้ถือหุ้นเดิม คือ H-International (SG) Pte. Ltd. จำนวนไม่เกิน 104.50 ล้านหุ้น ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการในอนาคต ทั้งในส่วนของการขยายธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ จะนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สำหรับ WHAUP เป็นบริษัทย่อยของ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน ซึ่งดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคครบวงจรให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมต่างๆ อันได้แก่ จำหน่ายน้ำดิบ ผลิตและจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม จากน้ำดิบ น้ำเสีย หรือน้ำทะเล และบริหารจัดการน้ำเสีย รวมถึงธุรกิจสาธารณูปโภคอื่นๆ อาทิ ธุรกิจท่อส่งก๊าซ ธุรกิจบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายที่จะขยายธุรกิจในการให้บริการสาธารณูปโภคในชุมชน และธุรกิจพลังงาน โดยลงทุนในธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ เข้าร่วมลงทุนกับ กลุ่มกัลฟ์ กลุ่มโกลว์ กลุ่มบี กริม พาวเวอร์ และกลุ่มกันกุล
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียวจากกลุ่มเหมราชฯ ในการประกอบธุรกิจสาธารณูปโภคดังกล่าวในนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบอุตสาหกรรมของเหมราชฯในประเทศไทย เป็นเวลา 50 ปี นับจากวันที่ 30 มี.ค.59 แต่ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด บริษัทมีสัญญาในการผลิตและจำหน่ายน้ำ ในวันที่ 1 ก.ค.51 เพียง 25 ปี
โดยดำเนินธุรกิจอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมของกลุ่มเหมราชฯ จำนวน 6 แห่ง และเขตประกอบการอุตสาหกรรมของกลุ่มเหมราชฯ จำนวน 2 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่เปิดให้บริการรวม 24,000 ไร่ สำหรับธุรกิจพลังงาน กลุ่มบริษัทดำเนินธุรกิจในลักษณะการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ทั้งที่ตั้งอยู่ในประเทศและต่างประเทศ โดยมีโรงไฟฟ้าที่กลุ่มบริษัทเข้าลงทุนเปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 12 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 1,651.40 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมประมาณ 319.29 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างที่ได้เข้าไปลงทุนจำนวน 6 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 775 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมประมาณ 193.83 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนาที่จะเข้าไปลงทุนจำนวน 1 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 120 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมประมาณ 30.01 เมกะวัตต์
อีกทั้งยังมีการลงทุนในอนาคตเพิ่มขึ้น เช่น โครงการขยายธุรกิจการให้บริการสาธารณูปโภคด้านน้ำ โดยมีแผนจะขยายขอบข่ายการให้บริการทั้งการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น การให้บริการน้ำเพื่ออุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ ตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า รวมทั้งการขยายฐานลูกค้าออกนอกนิคมอุตสาหกรรม เช่น การให้บริการน้ำประปาแก่ชุมชนในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการผลิต เพื่อลดต้นทุนการผลิต และสามารถยกระดับมาตรฐานการให้บริการให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคอื่นๆ รวมถึงธุรกิจท่อส่งก๊าซและบริหารจัดการขยะ
ส่วนธุรกิจพลังงาน บริษัทอยู่ระหว่างวางแผนพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยมุ่งเน้นการต่อยอดโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอื่นๆ เช่น พลังงานลม และพลังงานขยะ โดยบริษัทจะเข้าร่วมประมูลสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเข้าร่วมการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟน.และ กฟภ.เมื่อมีการเปิดประมูลและมีแผนการลงทุนและจำหน่ายไฟฟ้าในแก่ผู้ใช้ไฟรายย่อยที่มีความสนใจอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัท เหมราช เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด บริษัทย่อยของ WHAUP ลงนามในสัญญากับกลุ่มโกลว์ และ Suez เพื่อร่วมลงทุนในบริษัท อีสเทิร์นซีบอร์ด คลีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด 33.33% ซึ่งเป็น Holding Company ที่ถือหุ้นใน บริษัท ชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด และบริษัท ระยอง คลีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประเภท VSPP จำนวน 2 โครงการ
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ตามงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมเสมือนของ WHAUP ในปี 56 มีรายได้รวม 1.99 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 461.14 ล้านบาท ล้านบาท ส่วนปี 57 มีรายได้รวม 3.18 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1.56 พันล้านบาท และปี 2558 รายได้รวมเท่ากับ 2.87 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1.22 พันล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 1.72 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 894.32 ล้านบาท ในขณะที่ ฐานะการเงินของบริษัท สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1.85 หมื่นล้านบาท หนี้สินรวม 1.11 หมื่นล้านบาท และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี
สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 30 ส.ค.59 ได้แก่ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 82.31 และ H-International (SG) Pte. Ltd ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 17.69 ซึ่งภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO เหมราชจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือร้อยละ 68.86 ในขณะที่ H-International (SG) Pte. Ltd จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือร้อยละ 1.14 เนื่องจากได้นำหุ้นออกเสนอขายในครั้งนี้ด้วย