STEC มั่นใจปีนี้ได้งานใหม่ 3 หมื่นลบ.ตามเป้า ชี้รายได้-กำไรใกล้ปีก่อน

นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าในปี 59 นี้จะได้งานใหม่ราว 3 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันบริษัทได้งานใหม่มามูลค่าเพียง 5 พันล้านบาท เพราะที่ผ่านมา ภาครัฐไม่มีงานออกประมูลออกมา แต่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาครัฐมีงานประมูลหลายงานราว 2 แสนล้านบาทออกมา

โดยในวันที่ 31 ต.ค.นี้จะมีการยื่นซองประมูลโครงการถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่างานโยธากว่า 8 หมื่นล้านบาท มี 6 สัญญา  ซึ่งแต่ละสัญญามีมูลค่าราว 1-2 หมื่นล้านบาท และจะเปิดผลประมูลในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่ง STEC จะเข้าร่วมทุกสัญญา และคาดว่าจะได้รับงาน 1-2 สัญญารวมทั้งจะมีการประมูลต่อเนื่องของโครงการมอเตอร์เวย์ ช่วงบางปะอิน-นครราชสีมา โดยคาดว่า STEC จะได้งาน 1-2 สัญญา รวมมูลค่างานกว่า 2 พันล้านบาท

นอกจากนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 5.3 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการภาครัฐ (PPP) ทาง STEC จะร่วมกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และรายอื่นอีก รวม 3-4 รายจะยื่นประมูลในเดือนพ.ย.นี้ และคาดว่าจะรู้ผลในต้นปี 60

“เรามั่นใจมากปีนี้เราได้งาน 3 หมื่นล้านบาท เดือนหน้างานภาครัฐก็จะออกมามาก  ที่ตอนนี้ได้งานมา 5 พันล้านบาท เพราะภาครัฐงานไม่ออกเลย แต่ต.ค.นี้สายสีส้มก็เริ่มประมูลแล้ว” นายวรพันธ์ กล่าว

ปัจจุบัน STEC มีงานในมือ (Backlog)  มีมูลค่างาน 4.5 หมืนล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้กว่า 2 ปี

นายวรพันธ์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้คาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้ราว 9 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าครึ่งแรกของปีนี้ที่ 8.3 พันล้านบาท และคาดว่ารายได้ทั้งปี 59 อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน ส่วนกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อน ที่มีกำไรจากการดำเนินงานราว 1.2 พันล้านบาท ขณะที่ในปีที่แล้วยังมีกำไรพิเศษจากการประเมินที่ดินกว่า 300 ล้านบาท

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 8% จากปีก่อนที่มีกว่า 9% สาเหตุหลักมาจากบริษัทตั้งสำรองงานก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งตั้งสำรองจำวน 600 ล้านบาทจากงานก่อสร้างล่าช้าออกไปมากกว่า 1 ปี เพราะไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามกำหนดเวลาทำให้งานก่อสร้างล่าช้า ได้แก่ โรงเรียนโยธินบูรณะ ชุมชนทอผ้า

นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างขยายสนามบินภูเก็ต ก็ได้ตั้งสำรองแล้วประมาณ 300-400 ล้านบาทจากงานล่าช้ากว่าแผน ขณะที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของงานจะส่งมอบพื้นที่ได้เมื่อใด

“เราพยายามทำกำไรปีนี้ให้ได้อย่างน้อยเท่ากับ หรือลดลงไม่มาก จากปีที่แล้ว ที่มีกำไรก่อนรายการพิเศษ 1,200 ล้านบาท” นายวรพันธ์ กล่าว

นายวรพันธ์ คาดว่ารายได้ในปี 60 จะขึ้นมาแตะที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปี 59  จากงานที่จะเพิ่มขึ้นในปลายปีนี้ และตั้งเป้าในปีหน้า บริษัทจะได้งานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3-4 หมื่นล้านบาท จากโครงการภาครัฐที่จะออกมามากในปีหน้า โดยโครงการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน บริษัทสนใจเข้าร่วมรับงานก่อสร้าง และ โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) กรุงเทพ-ระยอง น่าจะเปิดประมูลได้ก่อน ซึ่งบริษัทจะเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างเช่นกัน  นอกจากนี้ยังมีงานโครงการถไฟทางคู่ที่จะออกมาเพิ่มเติมด้วย