CHEWA ตั้งเป้ารายได้ปี 61 แตะ 2.5 พันลบ.- เพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบเป็น 50%
CHEWA ตั้งเป้ารายได้ปี 61 แตะ 2.2-2.5 พันลบ.พร้อมเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบเป็น 50% - เตรียมเปิดโครงการแนวราบ “ชีวารมย์ รังสิต-ดอนเมือง” ในเดือนหน้า มูลค่ากว่า 500 ลบ.
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 61 อยู่ที่ 2.2-2.5 พันล้านบาท โดยในช่วงปี 59-61 บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 20% พร้อมกับตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบและรายได้จากโครงการแนวราบเพิ่มเป็น 50% หลังจะเปิดโครงการแรกในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโครงการ ซึ่งโครงการแนวราบจะสามารถสร้างรายได้ภายในระยะเวลาไม่นาน แตกต่างจากโครงการคอนโดมิเนียมที่ต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีในการรอรับรู้รายได้ ขณะที่ปัจจุบันรายได้ทั้งหมดของบริษัทมาจากโครงการคอนโดมิเนียม
สำหรับในช่วงเดือนต.ค.นี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการแนวราบโครงการแรก ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวภายใต้ชื่อโครงการชีวารมย์ รังสิต-ดอนเมือง มูลค่าโครงการกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/59 ราว 120 ล้านบาท และมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น โดยจะเปิดราว 3 โครงการ/ปี เพื่อทำให้สัดส่วนโครงการแนวราบเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ขณะที่ตามแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 60 เบื้องต้นจะเปิดทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5.4 พันล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบที่เป็นบ้านเดี่ยวหรูในกรฺงเทพฯ 1 โครงการ มูลค่า 2 พันล้านบาท และโครงการแนวราบแบบ ประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ มูลค่า 1.8 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 1.6 พันล้านบาท ซึ่งโครงการที่ทั้งหมดมีที่ดินรองรับการพัฒนาแล้ว โดยได้วางมัดจำค่าที่ดินไปแล้วจำนวน 200-300 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่มีกำหนดการทยอยโอนในปี 60 เบื้องต้นมีจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม ชีวาทัย เรสซิเดนท์ บางโพ มูลค่าโครงการ 1.04 พันล้านบาท มีกำหนดส่งมอบในไตรมาส 1/60 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 40% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด 172 ยูนิต โดยโครงการนี้บริษัทไม่ได้เร่งการขายมากนักในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะเกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ในปี 58 ทำให้บริษัทชะลอการขายออกไป อีกทั้งอยู่ระหว่างรอดูการพัฒนาโครงการห้างยักษ์เกตเวย์ บางโพ ของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจเบียร์และสุราที่ใหญ่ที่สุดของไทยและยังเป็นเจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งด้วย
โครงการคอนโดมิเนียม ชีวาทัย เรสซิเดนท์ อโศก มูลค่าโครงการ 1.7 พันล้านบาท จะโอนในช่วงไตรมาส 4/60 โดยโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ซื้อมาจากบมจ.เอคิว เอสเตท (AQ) ซึ่งเดิมโครงการนี้มียอดจองครบทั้ง 100% แต่ก็มีลูกค้าบางส่วนยกเลิกการจองราว 52% ขณะที่มีลูกค้าอีกราว 48% ที่ตัดสินใจไม่ยกเลิกการจอง ทำให้บริษัทตั้งเป้าหมายจะมียอดขายของโครงการดังกล่าวอยู่ที่ 60% พร้อมกับได้ปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ยเป็น 150,000-160,000 บาท/ตารางเมตร จากเดิมที่ขายอยู่ที่ 140,000-150,000 บาท/ตารางเมตร เพื่อให้สอดคล้องกับราคาขายโครงการในย่านอโศก-พระราม 9 ที่มีการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 180,000-190,000 บาท/ตารางเมตร โดยโครงการชีวาทัย เรสซิเดนท์ อโศก มีจุดเด่นอยู่ที่ราคาที่ถูกกว่าโครงการอื่น ๆ ในย่านเดียวกัน อีกทั้งมีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อม
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 20% จาก 1.4 พันล้านบาทในปีก่อน โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 835.34 ล้านบาท ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 300 ล้านบาท อีกทั้งยังมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขายอีกกว่า 750 ล้านบาท ที่คาดว่าจะมีลูกค้าซื้อโครงการไปอีกมาก โดยโครงการบ้านเดี่ยวโครงการแรกที่จะเปิดในเดือนต.ค.นี้ มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 81 ยูนิต ปัจจุบันได้สร้างเฟส 1 จำนวน 31 ยูนิตแล้วเสร็จ และรอการขายอย่างเป็นทางการในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งมีลูกค้าแสดงความสนใจซื้อแล้วราว 20 ยูนิต โดยคาดว่าโครงการชีวารมย์ รังสิต-ดอนเมือง จะมีการโอนเฟส 1 ในช่วงไตรมาส 4/59 ถึงสิ้นปีนี้ราว 120 ล้านบาท
ในส่วนของกำไรนั้นบริษัทคาดว่าจะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 83.2 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรอยู่ที่ 67.53 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมองว่าการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทยังคงมีความเสี่ยงอยู่ เนื่องจากความไม่แน่นอนของทั้งสถาบันทางการเงินที่จะอนุมัติสินเชื่อของลูกค้าหรือไม่ และหากอนุมัติสินเชื่อให้อาจจะไม่ได้วงเงินสินเชื่อที่เป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ ทำให้มีการยกเลิกการซื้อโครงการไป แต่บริษัทก็ได้มีการดูแลให้ความเสี่ยงดังกล่าวลดลง ซึ่งจะมีโครงการที่ให้ลูกค้ากับสถาบันการเงินทำการ Pre-approve ลูกค้าก่อน ซึ่งเปึนการลดความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว และส่งผลให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบันลดลงต่ำกว่า 5% จากปีก่อนที่มีโครงการ Pre-approve อยู่ที่ 15-20% โดยระดับราคาที่ยังมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อมากส่วนใหญ่อยู่ที่ระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งสถาบันการเงินอาจจะไม่มั่นใจความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ คือ โครงการชีวาทัย เพชรเกษม 27 มูลค่าโครงการ 1.66 พันล้านบาท อยู่ติดถนนเพชรเกษม ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า 350 เมตร เป็นคอนโดมิเนียมสูง 1 อาคาร 26 ชั้น จำนวนยูนิตทั้งหมด 638 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท หรือเฉลี่ยรมตารางเมตรละ 80,000 บาท โดยปัจจุบันมียอดจองแล้ว 35% และบริษัทจะเตรียมเปิดจองอย่างเป็นทางการในวันที่ 1-2 ต.ค.นี้ ในงาน VVIP Day พร้อมกับข้อเสนอพิเศษมากมาย
ทั้งนี้ คาดว่ายอดจองโครงการชีวาทัย เพชรเกษม 27 ถึงสิ้นปีนี้ทำได้ 60% ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกที่บริษัทรุกเข้ามาพัฒนาในทำเลฝั่งธนบุรี โดยมีความมั่นศักยภาพของทำเลดังกล่าวที่แวดล้อมไปด้วยระบบการคมนาคมที่สะดวกทั้งถนน และระรบบรถไฟฟ้าที่เป็นโครงการอินเตอร์เชนจ์ บางหว้า สเตชั่น และมีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นแหล่งชุมชนและแหล่งสถานศึกษา ทำให้บริษัทตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการในย่านนี้