“กลุ่มเนชั่น” โยนบาป ก.ล.ต. ต้นเหตุ หาก NMG เบี้ยวหนี้ตั๋วบี/อี

นสพ. “เครือเนชั่น” อ้างคำ “ทริส” โบ้ย ก.ล.ต. เป็นต้นเหตุ หากหาเงินจ่ายตั๋วบี/อีไม่ได้ ด้านงบการเงินชี้ชัด NMG ไร้ปัญหาสภาพคล่อง โชว์ศักยภาพเพียงพอจ่ายหนี้ได้สบาย เว้นเสียแต่…

จากกรณี คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. มีคำสั่งให้กรรมการ 8 ราย ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG ขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ และผู้บริหาร เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมานั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของเครือเนชั่น มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวในฉบับวันนี้ (11 ต.ค.)

โดยหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวระบุว่า วานนี้ (10 ต.ค.) “ทริสเรทติ้ง” ได้ทำการปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของ NMG ลงเหลือ BB+ จากเดิม BBB อีกทั้งประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเชิงลบ หรือเป็น Negative เนื่องจากบริษัทมีความเสี่ยงด้านการบริหารงานเพิ่มขึ้น ประกอบกับประเด็นข้อพิพาททางกฏหมาย ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น

ทั้งนี้ NMG มีตั๋วแลกเงินบี/อี หรือ Bill of Exchange ที่กำลังจะครบกำหนดชำระในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.) จำนวน 100 ล้านบาท และหากรวมภาระในการชำระหนี้ทั้งหมดจนถึงสิ้นปีนี้ (2559) บริษัทมีภาระหนี้ต้องจ่ายรวมกันทั้งหมด 200 ล้านบาท ซึ่ง “ทริสเรทติ้ง” ระบุว่า อาจต้องปรับระดับเครดิตเรทติ้งของ “เนชั่นกรุ๊ป” ลงสู่ระดับ D หากมีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีการกล่าวอ้างถึงคำระบุของ “ทริสเรทติ้ง” ว่า คำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต. ส่งผลให้เกิดสุญญากาศในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งมีผลกระทบต่อการทำธุรกรรมทางการเงินของบริษัททั้งหมด และยังอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ไม่มีการระบุถึงงบการเงินของบริษัทซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการชำระหนี้แต่อย่างใด

อนึ่ง NMG รายงานผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ มีผลขาดทุนสุทธิ 341.78 ล้านบาท โดยมีจำนวนหนี้สินรวมทั้งสิ้น 3.91 พันล้านบาท ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.43 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio อยู่ที่ระดับประมาณ 1.14 เท่า ซึ่งทั่วไปถือเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างคล่องตัว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อัตราส่วนชี้วัดสภาพคล่องทางการเงินตัวอื่นถือว่า อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี ยกตัวอย่าง คือ สินทรัพย์หมุนเวียนอยู่ที่ระดับ 2.67 พันล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินหมุนเวียน 2.27 พันล้านบาท ทำให้อัตราส่วนทุนหมุนเวียน หรือ Current Ratio อยู่ที่ระดับ 1.18 เท่า ซึ่งตัวเลขนี้ถือเป็นตัวบ่งชี้ว่า สภาพคล่องทางการเงินของ NMG ยังอยู่ในระดับปกติ

อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีที่แย่ที่สุด คือ ไม่สามารถชำระหนี้ตั๋วแลกเงิน บี/อี ด้วยเงินหมุนเวียนได้ บริษัทยังสามารถนำเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่มีอยู่ราว 316.52 ล้านบาท มาชำระหนี้แทนก่อนได้ หรือเมื่อมองเปรียบเทียบจากระดับ D/E Ratio ณ ปัจจุบัน กับหลักการทั่วไปบ่งชี้ว่า NMG ยังสามารถขอรับเงินกู้เพื่อทำการรีไฟแนนซ์ได้อย่างไม่น่ามีปัญหา

ดังนั้น ด้วยปัจจัยและข้อมูลตัวเลขดังกล่าว ซึ่งเกี่ยวข้องกับขีดความสามารถในการชำระหนี้ของ NMG โดยตรง ทำให้มีการคาดการณ์ว่า NMG ไม่มีความจำเป็นต้องผิดนัดชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ในวันพรุ่งนี้ รวมถึงหนี้ตั๋วเงินระยะสั้นส่วนเพิ่มเติมอีก 100 ล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในช่วงสิ้นปี โดยเรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยบวกต่อ บลจ.แอสเซท พลัส ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ออกตั๋วเงินบี/อีให้แก่บริษัทอีกด้วย