SCI บวก 8.72% หลังรับรู้รายได้โครงการสายส่งไฟฟ้า 500 kV
SCI บวก 8.72% ล่าสุด ณ เวลา 15.29 น. ราคาอยู่ที่ 10.60 บาท บวก 0.85 บาท หรือ 8.72% สูงสุดที่ 10.70 บาท ต่ำสุดที่ 9.80 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 179.78 ล้านบาท ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 13.50 บ. คาด Q3/59 พลิกมีกำไร หลังรับรู้รายได้โครงการสายส่งไฟฟ้า 500 kV – เตรียมเซ็นสัญญาใหม่ 2 โครงการ มูลค่าราว 1.2 หมื่นลบ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) หรือ SCI ณ เวลา 15.29 น. ราคาอยู่ที่ 10.60 บาท บวก 0.85 บาท หรือ 8.72% สูงสุดที่ 10.70บาท ต่ำสุดที่ 9.80 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 179.78 ล้านบาท
ด้านบล. ทรีนีตี้ ระบุในวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท เผยรอเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 12,000 ล้านบาท เป้ารายได้ 10,000 ล้านบาท SCI มีผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มเป็น 4 ธุรกิจ คือ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้สวิทซ์บอร์ด รางเดินสายไฟและอุปกรณ์รองรับ บริษัทผลิตตู้สวิทซ์บอร์ดหรือตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า (Main Distribution Board MDB) 2) ธุรกิจผลิตเสาไฟฟ้าแรงสูง เสาสื่อสารโทรคมนาคม และโครงสร้างเหล็กชุบกัลวาไนซ์ และบริการชุบสังกะสี 3) ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน-พลังน้ำ (ขนาดเล็ก) และ 4) ธุรกิจการรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงดันสูงและระบบไฟฟ้าจำหน่าย คาดจะพลิกเป็นกำไรได้ในไตรมาส 3 จากการรับรู้รายได้ในโครงการสายส่งไฟฟ้า 500 kV และรอเซ็นสัญญาอีก 2 โครงการมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท ช่วยหนุนการเติบโตได้ 3-4 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้คาดจะพลิกเป็นกำไรได้ในไตรมาส 3/59 บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาโครงการสายส่งไฟฟ้า 500 kV มูลค่ากว่า 14,500 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 48 เดือน และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง ได้ราว 10% ของมูลค่าโครงการ นอกจากนี้บริษัทเตรียมรอเซ็นสัญญาอีก 2 โครงการ คือ โครงการสายส่งไฟฟ้า 500 kV เฟส 2 มูลค่า 306 ล้านเหรียญฯ และ PDSR Phase 2 มูลค่า 67 ล้านเหรียญฯ หรือคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ภายใน 2H59 นี้ และจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนในปีนี้
โดยประเมินรายได้ปี 59 อยู่ที่ 2,973 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 215 ล้านบาท และรายได้ในปี 2560 อยู่ที่ 9,641 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 735 ล้านบาท หรือคิดเป็น EPS Growth ประมาณ 240% จากการรับรู้รายได้งาน EPC จากทั้งโครงการสายส่งไฟฟ้า 500 kV เฟส 1 และ 2 และ PDSR Phase 2 และคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ระดับ 9,000-10,000 ล้านบาทได้อีก 3- 4 ปีข้างหน้า