JTS งัดกฎหมายสู้ ก.ล.ต.! มั่นใจจ่ายปันผลได้สบาย
JTS งัดกฎหมายสู้ ก.ล.ต.! มั่นใจจ่ายปันผลได้สบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึงขอให้คณะกรรมการบริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ชี้แจงเกี่ยวกับมติคณะกรรมการของบริษัทซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2559 ถึงกรณีที่บริษัทอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 70,654,730 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 โดย JTS ชี้แจงมาดังนี้
1. ที่มาและเหตุผลของการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในช่วงเวลาที่บริษัทอยู่ในระหว่างถูกทำคำเสนอซื้อและให้ชี้แจงถึงความเหมาะสมของการจ่ายเงินปันผลโดยที่บริษัทยังมีผลการดำเนินงานขาดทุน
โดย JTS ชี้แจงว่าบริษัทมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 จำนวน 17.425 ล้านบาททำให้มีกำไรสะสมซึ่งยังไม่ได้จัดสรร ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 จำนวน 115.413 ล้านบาทและมีเงินสดคงเหลือปลายงวด ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 จำนวน 551.935 ล้านบาทบริษัทจึงเห็นสมควรเสนอให้มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทและคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจากกำไรสะสมของบริษัทในอัตราหุ้นละ 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 70,654,730 บาท
อนึ่ง การดำเนินการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมของบริษัทสามารถทำได้ตามข้อกำหนดของหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 14/2554เรื่องการกระทำการหรืองดเว้นกระทำการในประการที่น่าจะมีผลต่อการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการลงวันที่25 กรกฎาคม 2554เนื่องจากผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทได้ให้ความยินยอมในการดำเนินการดังกล่าวแล้ว
2. ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการกระทำตามข้อ 1 ว่าเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทอย่างไร รวมทั้งความเห็นถึงผลกระทบด้านกฎหมายหรือด้านอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทพร้อมทั้งวิเคราะห์ความเพียงพอของสภาพคล่องของบริษัทภายหลังจากการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลด้วย
สำหรับการจ่ายเงินปันผลจำนวน 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 70,654,730 บาทนั้นไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท ซึ่ง ณ วันที่ 30 กันยายน 2559บริษัทมีเงินสดอยู่จำนวน 551.935 ล้านบาทและไม่มีผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานทางธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อยของบริษัทแต่อย่างใดบริษัทเห็นว่าการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้นเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการที่สามารถทำได้ตราบเท่าที่การดำเนินการดังกล่าวไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งในกรณีนี้หลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลักๆ ได้แก่
(ก) มาตรา 115 ของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งกำหนดว่า “การจ่ายเงินปันผลจากเงินประเภทอื่นนอกจากเงินกำไรจะกระทำมิได้ในกรณีที่บริษัทยังมียอดขาดทุนสะสมอยู่ ห้ามมิให้จ่ายเงินปันผล
เมื่อข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้ทำได้ คณะกรรมการอาจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้เป็นครั้งคราวเมื่อเห็นว่าบริษัทมีกำไรสมควรพอที่จะทำเช่นนั้นและเมื่อได้จ่ายเงินปันผลแล้ว ให้รายงานให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นทราบในการประชุมคราวต่อไป”ในกรณีนี้การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสม ไม่ได้มีการจ่ายเงินปันผลในระหว่างที่บริษัทมีขาดทุนสะสมอยู่แต่อย่างใด ดังนั้น การจ่ายเงินปันผลจึงเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อมาตรา 115 ดังกล่าว
(ข) ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 14/2554 เรื่องการกระทำการหรืองดเว้นกระทำการในประการที่น่าจะมีผลต่อการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการลงวันที่25 กรกฎาคม 2554 ซึ่งในเรื่องนี้นั้นบริษัทได้รับความเห็นชอบจากผู้ทำคำเสนอซื้อก่อนการอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ดังนั้นการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมของบริษัทจึงเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของประกาศดังกล่าว
อนึ่ง การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้นเป็นสิทธิที่คณะกรรมการของบริษัทสามารถพิจารณาดำเนินการได้โดยคำนึงถึงสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท ความจำเป็นในการใช้เงินลงทุนของบริษัทเป็นสำคัญและการจ่ายเงินปันผลนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นสำคัญ