SELIC คาดผลประกอบการ Q4/59 โตดีหลังเข้าไฮซีซั่น ลุยเพิ่มสัดส่วนรายได้ตปท.
SELIC คาดผลประกอบการ Q4/59 โตดีหลังเข้าไฮซีซั่น มั่นใจปี 60 รายได้โต 15-20% เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 30%
นางสาริศาส์ส์ มหาเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนตามที่บริษัทวางแผนไว้ เนื่องจากบริษัทเดินหน้าตัดสินค้าที่มีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ต่ำออกไป ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30% ในปีนี้ จากเดิมอยู่ที่ 25%
สำหรับภาพรวมไตรมาส 4/59 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตดี และเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปีเนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นที่จะมีความต้องการใช้กาวอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการให้ของขวัญปีใหม่ ขณะที่ไตรมาส 3/59 ผลประกอบการคงทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เพราะเป็นช่วงรอมฎอนของศาสนาอิสลามและเข้าพรรษาทำให้ยอดขายเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการประชุมเพื่ออนุมัติและแจ้งงบการเงินงบไตรมาส 3/59 ในวันที่ 10 พ.ย.นี้
“ช่วงนี้พบว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ยังคงมีอยู่ และในช่วงไตรมาส 4/59 จะมีเรื่องการส่งของขวัญปีใหม่กันด้วย ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อเราเพราะมีสินค้าและเทปกาวต้องใช้ของเราด้วย”นางสาริศาส์ส์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 60 ว่า รายได้ของบริษัทจะกลับมาเติบโตในภาวะปกติ หรือ เติบโตราว 15-20% เนื่องจากการตัดสินค้ามาร์จิ้นต่ำได้ทำไปเกือบทั้งหมดแล้ว โดยบริษัทยังเน้นการขยายฐานลูกค้าเดิม และมีแผนขยายลูกค้าอุตสาหกรรมให้หลากหลายมากขึ้นทั้งอุตสาหกรรมก่อสร้างและชิ้นส่วนยานยยนต์ เนื่องจากเป็นตลาดขนาดใหญ่และยังสามารถเติบโตได้อีกมาก
พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 30% ด้วยการมุ่งเน้นทำตลาดในออสเตรเลีย และกลุ่ม CLMV จากปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 20% จากลูกค้าใน 27 ประเทศ ขณะที่การขายสินค้าในตลาดต่างประเทศให้มาร์จิ้นสูงกว่าการขายในประเทศอยู่ราว 5% ประกอบกับ ตลาดมีขนาดใหญ่และความต้องการใช้สูง
สำหรับแผนการลงทุนในปีหน้านั้น บริษัทเตรียมซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ในการวิจัยและพัฒนาจำนวน 40 ล้านบาท และจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีใช้กำลังการผลิตอยู่ ที่ 70-80% หรือที่ราว 9,000 ตัน/ปี
“ปีหน้าเราเหลือสินค้ามาร์จิ้นต่ำให้ตัดออกอีกนิดหน่อย ซึ่งคงไม่ส่งผลต่อยอดขายแล้ว ขณะเดียวกันเรายังเร่งผลิตสินค้ามาร์จิ้นสูงเข้ามาขายทดแทน ประกอบกับเรายังเน้นขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น เราจึงมั่นใจว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตในระดับปกติที่ 15-20% ได้ ในขณะเดียวกันปัจจัยของเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ฟื้นตัวก็จะช่วยผลักดันผลประกอบการด้วย อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจไม่ดีเราก็ได้ประโยชน์เช่นกันเพราะของจำพวกอาหารแห้งก็จะขายดีก็ต้องใช้กาวของเราเหมือนกัน โดยในเดือน ธ.ค.นี้ คณะกรรมการบริษัทฯจะสรุปแผนการดำเนินงานปี 60 อีกครั้ง”นางสาริศาส์ส์ กล่าว