ครม.ไฟเขียวโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินราว 1.8 หมื่นลบ.

ครม.เห็นชอบโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 59-60 คาดใช้วงเงินราว 1.8 หมื่นลบ.


นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบทบทวนโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/2560 เมื่อวันที่ 1 พ.ย.59 เนื่องจากยังไม่ครอบคลุมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ เช่น ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานี1 หรือ ข้าวหอมปทุม

โดยในปัจจุบันประสบปัญหาราคาตกต่ำเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงมีการออกโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/2560 โดยพื้นที่ดำเนินการจะขยายให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากคราวที่แล้วที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิใน 23 จังหวัด เป้าหมายคือข้าวหอมมะลิจำนวน 2 ล้านตัน ข้าวเจ้าและข้าวหอมปทุม ประมาณ 1 ล้านตัน โดยข้าวเจ้าและข้าวหอมปทุม ต้องมีความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2

ในส่วนของข้าวเจ้า จะให้สินเชื่อในราคาร้อยละ 90 ของราคาตลาดเหมือนเดิม โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยของข้าวเปลือกเจ้าอยู่ที่ประมาณตันละ 7,800 บาท ดังนั้น วงเงินสินเชื่อจะอยู่ที่ตันละ 7,000 บาท ส่วนข้าวหอมปทุมธานี ราคาเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 8,800 บาท ดังนั้นวงเงินสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 7,800 บาทต่อตัน โดยข้าวทั้งสองประเภทจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกคือตันละ 1,500 บาทเช่นเดิม โดยจะได้รับ 1,000 บาท ณ วันที่เบิกรับเงินกู้ และ 500 บาทในวันที่ไถ่ถอนข้าวเปลือก นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวตันละ 2,000 บาท เช่นเดิม ไม่เกิน 12,000 บาท/ครัวเรือน

ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินการทั้งหมด 18,041 ล้านบาท แยกเป็น วงเงินสินเชื่อ 7,096 ล้านบาท ส่วนงบประมาณที่จะต้องจ่ายจริงคือ 10,945 ล้านบาท

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เป็นการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาครบทุกจังหวัดไม่ใช่เพียง 23 จังหวัดเท่านั้น

“ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือและช่วยสร้างความเข้าใจในสิ่งที่รัฐบาลแก้ปัญหาในขณะนี้ และถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่วันนี้ภาคเอกชนได้ร่วมมือในการซื้อข้าวขาวเกือบ 600 ร้อยตันอีกด้วย”

อีกทั้ง ได้สั่งการในที่ประชุมครม.ให้กระทรวงการคลังพิจารณาการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับเกษตรกรชาวนา โดยต้องคำนึงถึงเสถียรภาพทางการเงินการคลังด้วย เพราะคงไม่สามารถนำงบประมาณไปแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งหมดได้

ส่วนมาตรการช่วยเหลือชาวนาทั้งระบบ รัฐบาลได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และอยากให้ชาวนารวมกลุ่มในรูปแบบสหกรณ์การเกษตรที่สามารถแก้ปัญหาได้ยั่งยืน ทั้งการผลิตข้าวเองและสีขาวเอง เปรียบเสมือนโรงสีกลุ่มหนึ่งของเกษตรโดยตรง และหากทำให้สหกรณ์ที่มีอยู่ 3,000 กว่าแห่งเข้มแข็งได้ ก็ทำให้ความเดือดร้อนของชาวนาน้อยลง

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า ครม.จะมีการพิจารณาแก้ปัญหาเรื่องข้าวโพด ซึ่งอยู่ระหว่างการหามาตรการที่เหมาะสม

Back to top button