AIT ตุน backlog หนุนรายได้ปี 60 โต พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าภาคเอกชน
AIT ตุน backlog หนุนรายได้ปี 60 โต พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้าภาคเอกชน
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่า ปัจจัยภาพรวมผลการดำเนินงานของในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มาจากการส่งมอบงานระบบโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้แก่ลูกค้าได้ตามแผนงานที่วางไว้ อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการบริหารและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับภาวะการณ์ตลาดในปัจจุบัน
โดย ณ วันที่ 30 ก.ย.59 บริษัทฯ ยังมีมูลค่างานในมือที่อยู่ระหว่างรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 1,451 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้บางส่วนในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้และที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไปเพื่อสนับสนุนการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 60
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 (ก.ค.-ก.ย.59) บริษัทมีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 1,144.48 ล้านบาท ลดลง 5.5% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 1,212.16 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 107.04 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/59 ที่ผ่านมาที่มีกำไรสุทธิ 112.60 ล้านบาท และภาพรวมผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากงบเฉพาะกิจการ 3,479.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 331.76 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้จากงบเฉพาะกิจการอยู่ที่ 3,700.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 407.88 ล้านบาท
นายศิริพงษ์ กล่าวว่า AIT ยังมุ่งสู่การลงทุนในธุรกิจที่จะสร้างความมั่นคงด้านรายได้ในระยะยาวจากธุรกิจให้บริการ หลังจากบริษัทฯ เข้าไปร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันด้วยขีดความสามารถการแข่งขันของ AIT บริษัทยังให้ความสนใจขยายการดำเนินธุรกิจไปยังตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ ประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม ซึ่งยังคงเปิดโอกาสและเป็นตลาดที่ใหญ่และใหม่สำหรับธุรกิจ IT
บริษัทนอกจากจะขยายฐานลูกค้าจากเดิมที่มุ่งเน้นงานโครงการวางโครงข่ายระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้ลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ในภาครัฐแล้ว บริษัทฯ ยังจะมุ่งกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนที่กำลังปรับเปลี่ยนสู่การทำธุรกิจในยุคดิจิตัล เพื่อการบริหารธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีข้อมูลที่มากพอในการวิเคราะห์ วางแผน กำกับดูแลการบริหารงานในทุกระดับ ตลอดจนการกำหนดทิศทางของธุรกิจพร้อมทั้งยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน ซึ่งการขายในยุคดิจิตัลนี้จะเป็นการขายที่แตกต่างจากการขายในอดีตโดยสิ้นเชิง
“การขายยุคดิจิตัลนี้จะเป็นการขายที่มองถึงผลสำเร็จของธุรกิจของลูกค้าเป็นหลัก จะมีการนำเอา IOT หรือ Internet of Things มาเป็นองค์ประกอบหนึ่งนอกเหนือจากระบบฮาร์ทแวร์ ซอร์ฟแวร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งตรงกับ concept ของเรา คือ ความสำเร็จของท่านคือความ สำเร็จของเรา”นายศิริพงษ์ กล่าว