GL คาดกำไร Q4 โตต่อเนื่องจาก Q3 หลังขยายธุรกิจในกลุ่ม CLMV-ตลาดใหญ่ในอินโดฯ

GL คาดกำไร Q4/59 โตก้าวกระโดดต่อเนื่องจาก Q3/59 หลังขยายธุรกิจในกลุ่ม CLMV-ตลาดใหญ่ในอินโดฯ


นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 3 มีกำไรสุทธิ 260.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.29% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 หลังจากบริษัทฯ ลุยขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ตลอดจนตลาดใหญ่ในอินโดนีเซีย และล่าสุดเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นศรีลังกา โดยคาดจะส่งผลเกื้อหนุนกำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 สะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทย่อยในเครือ GL ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในกัมพูชาที่ยังคงเป็นดาวเด่นต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียก็เริ่มมีผลกำไรในไตรมาสที่ 3 นี้ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมากนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการเมื่อเร็วๆ นี้

โดยจากยอดกำไรทั้งหมด 260.4 ล้านบาทนั้น สามารถแบ่งออกเป็นกำไรจากประเทศกัมพูชาประมาณ 130 ล้านบาท ตามด้วยผลประกอบการของบริษัทแม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 100 ล้านบาท และกำไรจากบริษัทย่อยในประเทศไทยคือธนบรรณ และจาก GLL (สปป.ลาว) อีกแห่งละ 15 ล้านบาท

“อันที่จริงแล้วกำไรในไตรมาส 3 ควรจะเพิ่มสูงขึ้นเยอะมากกว่านี้ทีเดียว หรือควรจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 300 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทฯ ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการที่สำคัญหลายรายการ ซึ่งการควบรวมกิจการเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท Commercial Credit and Finance PLC (CCF) จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากนี้ไป เนื่องจากบริษัทฯ จะเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก CCF เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยทาง CCF ได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการทั้งปี 2559 จะมีกำไรสุทธิ 24 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ GL สามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 29.99% เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้” นายมิทซึจิกล่าว

ในขณะเดียวกันกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 4.6 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 255.8 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ยังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้นประมาณ 40 ล้านบาท จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท ให้กับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่อินโดนีเซียคือบริษัท J TRUST ASIA (JTA) เมื่อก่อนหน้านี้

นอกเหนือจากการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท CCF ที่จดทะเบียนในประเทศศรีลังกาแล้ว GL ยังเตรียมรุกขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ในประเทศเมียนมาร์ โดยเข้าควบรวมกิจการทั้งหมดของบริษัทไมโครไฟแนนซ์แห่งหนึ่งและเข้าร่วมทุนผนึกกำลังกับนักธุรกิจชั้นนำชาวเมียนมาร์ คือนาย Aung Moe Kyaw ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเงินทุน Century Finance และกิจการสุราที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาร์ เพื่อรุกขยายธุรกิจให้ครอบคลุมบริการด้านการเงินที่หลากหลาย

นอกจากนี้ ล่าสุด คณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติออกหุ้นกู้แปลงสภาพอีกจำนวนทั้งสิ้น 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยออกจำหน่ายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งประกอบด้วยก้อนแรกจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์รายเดิมในอินโดนีเซียคือ JTA และอีกส่วนหนึ่งจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับบริษัทพันธมิตรอีกแห่งหนึ่งในศรีลังกาคือ  Creation Investments Sri Lanka, LLC (Creation SL) โดยเงินทุนก้อนใหม่นี้ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 2,400 ล้านบาท จะนำมาสนับสนุนการรุกขยายธุรกิจในกัมพูชาและเมียนมาร์ ทั้งนี้ หุ้นกู้แปลงสภาพชุดใหม่ล่าสุด 70 ล้านเหรียญสหรัฐนี้ มีอายุ 3 ปีและกำหนดราคาแปลงสภาพที่ 70 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทฯ จะนำเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในต้นเดือนธันวาคมนี้

Back to top button