ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “อาม่า มารีน” เตรียมขาย IPO 108 ล้านหุ้น เทรด mai

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง "อาม่า มารีน" หรือ AMA ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ เตรียมขาย IPO จำนวน 108 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai โดยมีบ.เซจแคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


นางศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งของ บมจ.อาม่า มารีน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ อาม่า มารีน ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 108.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือ คิดเป็น 25.02% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อลงทุนขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี รวมถึงขยายกองรถบรรทุกน้ำมัน และสารเคมี เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

โดย AMA มีทุนจดทะเบียนเท่ากับ 215.80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 431.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยทุนเรียกชำระแล้วเท่ากับ 161.80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 323.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

“ในการระดมทุนครั้งนี้เพื่อจะนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งสินค้าเหลวให้กับบริษัท เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ตามตัวเลขการนำเข้าน้ำมันพืชที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันพืชอันดับต้น ๆ ของโลกไม่ว่าจะเป็นจีน หรืออินเดีย เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต” นางศรัณยากล่าว

ทั้งนี้หลังจากนี้บริษัทอยู่ในระหว่างวางแผนสำหรับการเดินสายนำเสนอข้อมูลบริษัทแก่นักลงทุน หรือโรดโชว์ โดยมีเป้าหมายเพื่อพบและให้ข้อมูลกับนักลงทุนทุกภาคทั่วประเทศ โดยเชื่อว่า AMA จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ด้วยองค์ประกอบของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ ในการเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือระหว่างประเทศ และขนส่งสินค้าเหลวทางรถภายในประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต และที่สำคัญทีมผู้บริหารล้วนแล้วแต่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์และมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งคาดหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้ AMA มีความน่าสนใจต่อนักลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น

 

ด้าน นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ AMA ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือ และให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถ เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจด้านโลจิสติกส์ (Logistic) ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ และรถ ทั้งใน และต่างประเทศ โดยในธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ บริษัทเน้นการให้บริการขนส่งสินค้าเหลว (Liquid Product) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช (Vegetable Oil Product) เป็นหลัก เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วเหลือง โดยใช้เรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี (Oil and Chemical Tanker) ที่มีน้ำหนักบรรทุกประมาณ 3,000 ถึง 13,000 เมตริกตัน เส้นทางให้บริการหลักในการขนส่งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออกส่วนในธุรกิจขนส่งทางรถ บริษัทให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและB100 โดยใช้รถบรรทุกน้ำมันที่มีปริมาณบรรทุก 45,000 ลิตร เส้นทางให้บริการหลักในการขนส่งอยู่ภายในประเทศ โดย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2559 บริษัทมีเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี จำนวน 8 ลำ มีน้ำหนักบรรทุกรวมทั้งสิ้น 46,661 เมตริกตัน และมีรถบรรทุกน้ำมัน จำนวน 95 คัน มีปริมาณการบรรทุกรวมทั้งสิ้น 4.28 ล้านลิตร

“เรามีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งสินค้าเหลวทั้งทางรถและทางเรือ ซึ่งเรามีแผนที่จะขยายเส้นทางการขนส่งไปยังภูมิภาคเอเชียใต้ เพื่อครอบคลุมประเทศที่มีความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ ประเทศจีน ประเทศอินเดีย และประเทศปากีสถาน เป็นต้น ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต รวมถึงการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงินที่เป็นมืออาชีพทำให้กระบวนการต่าง ๆ เดินหน้าไปตามขั้นตอนที่กำหนด” นายพิศาล กล่าว

ทั้งนี้ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง ในปี 2556 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 426.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20.39 ล้านบาท ในปี 2557 มีรายได้รวมเท่ากับ 510.46 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 85.40 ล้านบาท ในปี 2558 มีรายได้รวมเท่ากับ 643.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 130.12 ล้านบาท ในขณะที่ผลการดำเนินงานใน 9 เดือนแรก ปี 2559 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 677.96 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 100.52 ล้านบาท         

Back to top button