BWG พ้นมลทิน ศาลปกครองฯยกฟ้องกรณีสั่งปิดโรงงานกำจัดกากอุตฯ
BWG พ้นมลทิน ศาลปกครองฯยกฟ้องกรณีสั่งปิดโรงงานกำจัดกากอุตฯ
บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องยืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ตามคดีหมายเลขแดงที่ อ.1121/2559 เมื่อวันที่ 15 พ.ย.59 กรณีที่บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ถูกฟ้องในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้ฟ้องคดียื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางตามคดีหมายเลขดำที่4 863/2552 ลงวันที่ 19 มิ.ย.52 กล่าวหานายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแห้ง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) และบมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 ก.ย.56 แต่ผู้ฟ้องคดีไม่พอใจในผลของคำพิพากษาจึงได้ยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุด และบริษัทได้ดำเนินการยื่นคำแก้อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดอย่างครบถ้วน เพื่อขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง โดยให้ยกฟ้องอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้รับคำแก้อุทธรณ์ของบริษัทไว้พิจารณา และมีคำพิพากษาออกมาดังกล่าวเมื่อวานนี้
ด้าน นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ BWG คาดว่าหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้องในครั้งนี้ จะทำให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนเชื่อมั่นในการลงทุนกับบริษัทมากยิ่งขึ้น
“หลังจากที่ต่อสู้กันด้วยพยานหลักฐานมาอย่างยาวนาน คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ได้มีคำพิพากษายกฟ้องในครั้งนี้ ถือเป็นการสิ้นสุดของคดีที่ฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้คดีที่มีกลุ่มบุคคลยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดทั้ง 2 คดี คือ คดีที่ฟ้องขอให้ปิดกิจการและยึดใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัท และคดีฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐละเลยหน้าที่ไม่สั่งปิดกิจการตามที่มีการร้องขอได้สิ้นสุดลงเรียบร้อยแล้ว และบริษัทน้อมรับคำตัดสินของศาลทุกประการ เชื่อในความยุติธรรมของศาล ซึ่งผลการตัดสินที่ออกมาสะท้อนว่าบริษัทได้ดำเนินกิจการถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับชุมชนตามที่มีผู้กล่าวหา“นายสุวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ คดีที่มีกลุ่มบุคคลฟ้องในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับ BWG ต่อศาลปกครองมี 2 คดี โดยคดีแรกกลุ่มบุคคลร่วมกันฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง โดยมีหน่วยงานทางราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ ในขั้นตอนการออกใบอนุญาตประกอบกิจการของหน่วยงานราชการให้แก่บริษัท มีความไม่ถูกต้อง และร้องขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานรับฝังกลบ สิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ที่ไม่อันตราย และที่เป็นอันตราย และให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และให้ชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับราษฎรที่เดือดร้อน
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มี.ค.50 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว ต่อมาผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์ต่อไปยังศาลปกครองสูงสุดในปีเดียวกัน และเมื่อวันที่ 20 มี.ค.56 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้องยืนตามศาลปกครองกลาง โดยให้ยกฟ้องอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีในทุกประเด็น
สำหรับคดีที่ 2 ในเดือนมิ.ย.52 มีกลุ่มบุคคลร่วมกันฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแห้ง เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 และบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 โดยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าที่ของรัฐละเลยการใช้อำนาจปฏิบัติหน้าที่โดยทำให้เกิดความล่าช้าตามมาตรา 9 วรรค 1 (2) พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง หลังจากที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้สั่งปิดศูนย์บริหารและจัดการกากอุตสาหกรรม ในจังหวัดสระบุรีของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอ
โดยในคดีนี้ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 27 ก.ย.56 และต่อมาในปีเดียวกันกลุ่มบุคคลร่วมกันฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุดและส่าสุดศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษายืนตามศาลปกครองกลางให้ยกฟ้องในคดีดังกล่าว ซึ่งถือว่าสิ้นสุดในทุกประเด็นฟ้อง