GOLD ลุ้นยอดขายปีนี้ทะลุเป้า 1.3 หมื่นลบ. – เตรียมเปิดโครงการใหม่ใน Q4/59
GOLD ลุ้นยอดขายปีนี้ทะลุเป้า 1.3 หมื่นลบ.แม้ปรับลดจำนวนโครงการใหม่ – เตรียมเปิดโครงการ “ทาวน์เฮาส์ โกลเด้นทาวน์ รามอินทรา-คู้บอน” มูลค่า 800 ลบ. ใน Q4/59
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือGOLD เปิดเผยว่า ยอดขายของบริษัทในปีนี้มีโอกาสทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท หลังจาก 10 เดือนแรกของปีนี้ทำยอดขายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีแล้ว เนื่องจากโครงการใหม่ที่เปิดขายไปในช่วงก่อนหน้านี้จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9.27 พันล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
แม้ว่าในปีนี้บริษัทจะตัดสินใจปรับลดจำนวนการเปิดโครงการใหม่เหลือ 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.01 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าเปิดทั้งหมด 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.22 หมื่นล้านบาท โดยมีโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 1.6-1.8 พันล้านบาท เลื่อนไปเปิดในช่วงต้นปี 60 เนื่องจากหลังจากช่วงกลางเดือน ต.ค.ถึงต้นเดือน พ.ย.เห็นสัญญาณการชะลอตัวของการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/59 บริษัทเหลือโครงการที่จะเปิดในปีนี้อีก 1 โครงการ คือ โครงการทาวน์เฮาส์ โกลเด้นทาวน์ รามอินทรา-คู้บอน มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยยูนิตละ 1.99 ล้านบาท
“โครงการที่บริษัทเปิดไปทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมาเป็นโครงการแนวราบทั้งทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยวที่มีความต้องการของประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่จริง และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมของภาครัฐ ทำให้ยอดขายมีการปรับตัวขึ้น”นายสมบูรณ์ กล่าว
ด้านรายได้รวมของบริษัทในปีนี้ บริษัทมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 8.6 พันล้านบาท โดยช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้แล้ว 8.19 พันล้านบาท และไตรมาส 4/59 บริษัทยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะทยอยโอนอีก 1.1 พันล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมด 2.7 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1.6 พันล้านบาทจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 60 ซึ่งส่วนใหญ่ของ Backlog เป็นโครงการทาวน์เฮาส์
นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 85% และสัดส่วนรายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานและโรงแรม 15% โดยมีโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า 2 โครงการ คือ โครงการ Golden Land Building พื้นที่ให้เช่า 11,000 ตารางเมตร มีอัตราการเช่า 98-99% โครงการดังกล่าวจะหมดสัญญาเช่าที่กับพระคลังข้างที่ในอีก 5-6 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเสนอขอเช่าต่อ และ อีกหนึ่งโครงการอาคารสำนักงาน FYI Center ขณะนี้มีอัตราการเช่า 80%
สำหรับโรงแรม W Hotel สาทร ที่เป็นปัญหาของบริษัทในปัจจุบัน เพราะเป็นโรงแรมที่มีการลงทุนสูงและให้ผลตอบแทนกลับคืนให้กับบริษัทที่ต่ำมาก และยังมีปัญหาการขาดทุนอยู่นั้น ปัจจุบันบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารพาณิชย์แล้ว ทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง และอัตราการเข้าพักลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 75% ในไตรมาส 3/59 จากไตรมาส 3/58 ที่ 85% ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันธุรกิจโรงแรมสูงขึ้น
ขณะนี้บริษัทได้ทำการตลาดโรงแรม W Hotel สาทร เพิ่มมากขึ้น และคาดว่าในช่วง 1-2 ปีนี้ จะถึงจุดคุ้นทุนและมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 80-90% ซึ่งหากอัตราเข้าพักเพิ่มขึ้นถึงระดับดังกล่าว บริษัทก็จะพิจารณาการให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (GVREIT) เข้ามาเช่าช่วงโรงแรมจากบริษัท
นายสมบูรณ์ ยังเปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 3 พันล้านบาท อายุ 3 ปี โดยได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ BBB+ ซึ่งจะเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เพื่อนำเงินไปใช้ซื้อที่ดินในปีหน้ามารองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต และการออกหุ้นกู้ทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 3% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.5%
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเสนอแผนงานในปี 60 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทภายในต้นเดือน ธ.ค.นี้ โดยเบื้องต้นมองว่าแนวโน้มภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีหน้าจะมีการเติบโตขึ้นจากปีนี้ โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ยังเติบโตได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากผู้ซื้อเป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและยังมีความต้องการอยู่มาก รวมทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐทำให้ความเป็นเมืองขยายตัวเพิ่มขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปี 60 จะเติบโตได้ 3-4%
ขณะที่อัตราการปฏิเสธสินเชื่อขอบริษัทในปัจจุบันยังทรงตัวอยู่ที่ 25% โดยยอมรับว่าธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น แต่บริษัทก็ให้ลูกค้าเตรียมตัวก่อนการยื่นกู้ และหากลูกค้ากู้ไม่ผ่านบริษัทก็จะให้ลูกค้าที่สนใจซื้อคนต่อไปยื่นกู้ทันที ซึ่งเป็นการหมุนรอบ เพื่อลดความเสี่ยง