KBANK มั่นใจสินเชื่อรวมปีนี้โต 7% คาด NPL ปี 59 อยู่ที่ระดับ 3.6%
KBANK มั่นใจสินเชื่อรวมปีนี้โต 6-7% ตามเป้า หลังรัฐออกมาตรการช่วยเหลือคนจน-ช้อปช่วยชาติ คาด NPL ปี 59 อยู่ที่ระดับ 3.5-3.6%
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารมั่นใจว่าสินเชื่อรวมปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดโต 6-7% แม้สินเชื่อรวมของธนาคารในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา จะเติบโตเพียง 3.83% แต่ในไตรมาส 4/59 จะเป็นช่วงของฤดูกาลใช้จ่ายโดยเฉพาะสินเชื่อขนาดใหญ่และสินเชื่อเอสเอ็มอี ยังมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียน ประกอบกับภาครัฐได้มีมาตรการกระตุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะล่าสุดทางภาครัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลือคนจน และช้อปช่วยชาติ
ทั้งนี้ ประเมินว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว โดยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3.5-3.6% หลังในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา NPL อยู่ที่ 3.3-3.5% แต่คาดว่าในปีหน้า NPL จะอยู่ที่ 3.3-3.4%
โดยล่าสุดธนาคารได้ขายหนี้ด้อยคุณภาพบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลบางส่วนให้กับ บริษัทเจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT มูลค่ารวม 1,536 ล้านบาท ส่งผลให้ NPL ลดลงในระดับหนึ่ง และคาดว่าจะมีการขายหนี้ออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร
นอกจากนี้มองแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4/59 น่าจะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส 3/59 เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาคประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แม้ว่าสภาพัฒน์จะประกาศผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3/59 ออกมาเติบโต 3.2% จากไตรมาส 2 เศรษฐกิจขยายตัว 3.5% แต่ถือว่ายังจีดีพีจะเติบโต 3% ได้ โดยคาดว่าทั้งปีจีดีพีน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3% หรืออาจจะสูงได้ 3.3% ตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ไว้ ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจีดีพีจะเติบโต 3.3% ตามการลงทุนของภาครัฐ และการท่องเที่ยว
“ปีหน้าเราคาดจีดีพีน่าจะอยู่ในระดับที่ 3.3% จากปีนี้คาดน่าจะไม่น้อยกว่า 3% จากการจับจ่ายใช้สอยที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/59 ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า หลังภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอความชัดเจนจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีการแถลงนโยบายครั้งแรกในการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะเป็นตัวชี้ได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร”นายธีรนันท์ กล่าว
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่มีคำสั่งเพิกถอนผู้แนะนำด้านการลงทุนด้านหลักทรัพย์ของธนาคาร จำนวน 8 ราย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวธนาคารได้ตรวจสอบพบเองตั้งแต่ส.ค. 51 ถึง ธ.ค. 58 โดยธนาคารได้ทำการลงโทษพนักงานขั้นเด็ดขาดและส่งเรื่องให้กับ ก.ล.ต. และธนาคารได้มีการปรับปรุงระบบการทำงานและการบริหารความเสี่ยง หลังจากพบเหตุการณ์ ซึ่งธนาคารมั่นใจว่าธนาคารมีระบบความปลอดภัยสูง และไม่พบการทุจริตเพิ่มเติม เช่น การลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ ,การไม่รับฝากสมุดกองทุน เพื่อกันการทุจริตของพนักงาน
ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายสินเชื่อปี 60 จะเติบโตราว 4-6% แบ่งเป็นสินเชื่อขนาดใหญ่ 4-6% สินเชื่อเอสเอ็มอี 5-7% และสินเชื่อรายย่อย 5-7% ส่วน