SENA มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 3.5 พันล้านบาท ลุยเปิด 10 โครงการใหม่ปีหน้า
SENA มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 3.5 พันล้านบาท เก็งรายได้ปีหน้าโต 20% เตรียมเปิด 10 โครงการ มูลค่า 3.2 พันลบ. ปีหน้า
นางสาวอธิกา บุญรอดชู ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายจัดสรรเงินทุนและการลงทุน บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 3.5 พันล้านบาท หลัง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/59 จะรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอนจำนวน 700 ล้านบาท ส่วนยอดขายในปีนี้คาดว่าจะทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4.5 พันล้านบาท โดยยอดขายช่วง 11 เดือนแรกปีนี้ทำได้แล้ว 3.8 พันล้านบาท
ขณะที่สถานการณ์ในประเทศในช่วงไตรมาส 4/59 ยังไม่เอื้อต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ทำให้บริษัทต้องเลื่อนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสสุดท้ายออกไป 2 โครงการเพื่อไปเปิดในปีหน้าแทน ส่งผลให้ทั้งปีนี้ไม่สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 4 พันล้านบาท โดยสามารถเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ได้ทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการ 3.2 พันล้านบาท และยังมีสต๊อกที่รอการขายและพร้อมโอนอีก 6.7 พันล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 60 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 3.5 พันล้านบาท โดยรายได้ในปี 60 จะมาจากยอดขายรอโอน (backlog) ที่มีอยู่ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 4/59 จำนวน 700 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้า โดยส่วนใหญ่มาจากการโครงการคอนโดมิเนียมเดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี ที่จะเริ่มทยอยโอนในไตรมาส 3/60 มูลค่า 1.48 พันล้านบาท
นอกจากนี้ในเบื้องต้นมีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 60 จำนวน 10 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3.2 พันล้านบาท ซึ่งมีที่ดินรองรับการเปิดโครงการทั้งหมดแล้ว โดยเป็นโครงการแนวราบราว 20-30% ขณะที่ส่วนใหญ่ประมาณ 70-80% เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งรวมถึง 2 โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ที่บางกะดี และสุขุมวิท 50 มูลค่ารวมราว 1 พันล้านบาท ที่เลื่อนการเปิดมาเป็นปี 60 จากแผนเดิมจะเปิดปี 59 ขณะที่ตั้งงบซื้อที่ดินในปี 60 ที่ 1 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 61
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 60 บริษัทคาดว่าจะเติบโตเล็กน้อยจากปีนี้ ขณะที่การแข่งขันจะรุนแรงในช่วงไตรมาสแรก เนื่องจากคาดว่าตลาดจะมีความคึกคักอย่างมากในช่วงไตรมาสแรก เพราะผู้ประกอบการที่เลื่อนการเปิดโครงการในช่วงปลายปี 59 จะมากระจุกตัวเพื่อเปิดโครงการในช่วงต้นปีเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีโครงการใหม่ที่รอการเปิดอีกในปีหน้าด้วย โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้น
ส่วนกลุ่มลูกค่าเป้าหมายของบริษัทที่เป็นกลุ่มลุกค้าระดับล่าง-กลาง มองว่ายังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง และมองไปถึงกำลังซื้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังลูกค้าในระดับดังกล่าวส่วนใหญ่เริ่มทยอยผ่อนชำระค่างวดรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรกครบ ทำให้ภาระหนี้สินของลูกค้าเริ่มลดลง แต่การยื่นขออนุมัติสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ยังเป็นสิ่งที่บริษัทกังวล เพราะธนาคารพาณิชย์ยังคงมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จะเห็นได้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัทปัจจุบันมีอัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากต้นปีที่ 7-8%