MEGA มองผลประกอบการ Q4/59 โตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โต 5-10%

MEGA มองผลประกอบการ Q4/59 โตต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โต 5-10% ใกล้เคียงปีนี้ รักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 8-9%


นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA เปิดเผย แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/59 มองว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/59 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัทฯ ซึ่งยอดขายมีแนวโน้มขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเวียดนาม เมียนมา และ กัมพูชา

ขณะที่บริษัทตั้งเป้าปี 60 รายได้จะเติบโต 5-10% จากปีนี้ที่มั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมาย 5-10% เช่นกัน หลัง 9 เดือนแรกปีนี้รายได้เติบโตแล้ว 7.5% มาที่ 6.24 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทกำลังขึ้นทะเบียนยาอีก 58 ผลิตภัณฑ์ และ กำลังพัฒนาอีก 68 ผลิตภัณฑ์ โดยเฉลี่ยทุกปีบริษัทจะผลิตยาออกมาขายสู่ท้องตลาดได้ประมาณ 10 ผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันล่าสุด บริษัทฯได้เซ็นสัญญาซื้อหุ้น Bio-Life Marketing มูลค่า 605 ล้านบาท โดยบริษัทฯรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาประมาณ 8 แสนเหรียญสหรัฐถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ปี 60 จะรับรู้รายได้ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายโดยเฉลี่ยให้เพิ่มขึ้นได้ 10% โดยบริษัทฯเล็งเห็นการขยายตลาดสินค้าวิตามิน และ อาหารเสริมในมาเลเซีย ซึ่งยังเห็นการเติบโตได้อีกมาก

ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิปี 60 อยู่ที่ 8-9% จาก 9 เดือนปีนี้อยู่ที่ 8.01% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40% จากในช่วง 9 เดือนปีนี้อยู่ที่ 41.52% โดยบริษัทฯได้เน้นการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนเป็นอย่างดี รวมไปถึงการปรับระบบการผลิตให้เป็นออโตเมชั่นมากขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออัตรากำไรในอนาคตด้วย

นอกจากนี้บริษัทฯยังมองหากิจการเพิ่มเติมเพื่อสร้างการเติบโต โดยเฉลี่ยงบลงทุนที่วางไว้ต่อปีจะอยู่ที่ 600 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขยายคลังสินค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากปี 59 ที่บริษัทฯใช้ไปประมาณ 620 ล้านบาท ประกอบด้วย การลงทุนเพื่อก่อสร้างคลังสินค้าในเมียนมา มูลค่า 540 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 60 และ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 3/61

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/59 มองว่าจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3/59 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัทฯ ซึ่งยอดขายมีแนวโน้มขยายตัวทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากเวียดนาม เมียนมา และ กัมพูชา

ด้านการร่วมทุนกับ บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE เพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ทางด้านผลิตภัณฑ์อาหาร และ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย และ ต่างประเทศ มีมูลค่าการลงทุน 10 ล้านบาทนั้น บริษัทจะเป็นผู้วิจัยผลิตภัณฑ์ และ MALEE จะรับหน้าที่ในการผลิตสินค้าออกมาขาย โดยยังคงแผนจะเริ่มวางจำหน่ายสินค้าได้ในไตรมาส 3/60

ทั้งนี้ในส่วนของศูนย์สุขภาพแห่งแรกของบริษัทฯในประเทศไทยที่ใช้เงินลงทุน 70 ล้านบาท ปัจจุบันได้เปิดใช้งานแล้ว แต่ยังอยู่ในช่วงของการทดลองให้บริการ โดยบริษัทฯจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 60

Back to top button